"เคล็ดลับในการหาพี่เลี้ยงเด็ก"
ตอนที่ลูกชายของฉันเกิด คุณแม่ของฉันมาช่วยฉันเลี้ยงเจ้าหนูอยู่ 6 สัปดาห์ ราวกับว่าสวรรค์มาโปรดเลยละค่ะ แต่เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
ท้ายที่สุดฉันก็ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังกับเจ้าตัวน้อยวัยเจ็ดสัปดาห์ สามีของฉันก็ทำงานวันละ 10 ชั่วโมง ฉันต้องการพี่เลี้ยงเด็กมากเลยค่ะ แต่จะหาพี่เลี้ยงอย่างไรดี ในตอนนั้นฉันเพิ่งจะย้ายที่อยู่ใหม่และมีเพื่อนเพียงไม่กี่คน และคำแนะนำของพวกเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยค่ะ เพราะว่าติดปัญหาเรื่องเวลา การเดินทาง ฯลฯ ฉันต้องรีบหาใครสักคนมาช่วยดูแลเจ้าตัวน้อยก่อนที่ฉันจะต้องกลับไปเริ่มทำงานอีกครั้ง
ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มา ถือว่านี่เป็นคำแนะนำจากแม่คนหนึ่งนะคะ
ถามตัวคุณเองก่อนว่าต้องการอะไรบ้าง จำเป็นต้องให้พี่เลี้ยงมาดูแลเจ้าตัวน้อยที่บ้านทุกวันหรือไม่ มาเป็นบางครั้ง เป็นศูนย์รับเลี้ยงเด็ก หรือว่ามาคอยช่วยคุณเลี้ยงตอนที่คุณอยู่บ้าน บางครั้งคุณอาจต้องผสมผสานตัวเลือกต่างๆ โดยเฉพาะถ้าทั้งคุณและสามีต่างก็ต้องทำงานด้วยกันทั้งคู่
กำหนดค่าใช้จ่ายที่คุณสามารถรับได้ พี่เลี้ยงเด็กมักคิดค่าจ้างเป็นรายเดือน ในขณะที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กอาจคิดอัตราเป็นวัน ครึ่งวัน หรือเป็นรายชั่วโมง ให้คุณสำรองค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไว้ด้วยนะคะ เพราะบางทีพี่เลี้ยงเด็กอาจขอคิดค่าเดินทาง หรือคิดค่าจ้างแพงขึ้นถ้าต้องดูแลเจ้าตัวน้อยให้คุณตอนกลางคืน
เตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่ก่อนคลอด ตอนที่ฉันยังตั้งท้องอยู่ เพื่อนของฉันที่มีลูกแล้วต่างบอกให้ฉันรีบหาพี่เลี้ยงเด็กล่วงหน้า แต่ฉันก็ไม่ได้ทำเพราะไม่คิดว่าจำเป็น แต่เมื่อคิดกลับไปแล้ว ฉันน่าจะรีบหาตั้งแต่ตอนนั้นเลย เพราะพอเจ้าตัวน้อยเกิดมาแล้วคุณจะแทบไม่มีเวลาได้หลับได้นอนกันเลยทีเดียว ดังนั้นในระหว่างที่ตั้งท้องอยู่ ให้ลองขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ หรือเพื่อนบ้านในละแวกที่คุณไว้ใจดูนะคะ
ถาม ถาม และก็ถาม ให้เตรียมรายการคำถามไว้ก่อนนัดพบกับพี่เลี้ยงเด็กหรือศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ด้านล่างนี้เป็นคำถามพื้นฐานที่ควรจะถามค่ะ
สำหรับพี่เลี้ยงเด็ก:
- พี่เลี้ยงเด็กมีประสบการณ์ในการรับเลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง รวมถึงความพร้อมในการรับเลี้ยง (เช่น เป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มเวลา เป็นพี่เลี้ยงเมื่อคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวยามค่ำ หรือเป็นพี่เลี้ยงตอนกลางวัน) อย่าลืมถามถึงอายุของเด็กที่พี่เลี้ยงเคยรับเลี้ยงด้วยนะคะ (เช่น เด็กแรกเกิด ทารก หรือวัยเรียน)
- หากเป็นพี่เลี้ยงตอนกลางวัน พี่เลี้ยงสามารถเดินทางมาที่บ้านได้เองหรือไม่
- อธิบายขอบเขตของการเลี้ยงดูตามอายุของเด็ก เช่น ป้อนนมขวดสำหรับเด็กทารก, ช่วยพานั่งโถส้วมสำหรับเด็กเริ่มโต, ช่วยสอนการบ้านหรือไปรับที่โรงเรียนหากเป็นเด็กวัยเรียน และอย่าลืมถามว่าพี่เลี้ยงยินดีที่จะทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้หรือไม่
สำหรับศูนย์รับเลี้ยงเด็ก:
- ทางศูนย์ฯ มีอาหารจัดเตรียมไว้ให้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องนำอาหารมาจากบ้านเอง
- หากเป็นเด็กอ่อนหรือทารก ให้ถามด้วยว่าทางศูนย์ฯ จัดเก็บนมแม่อย่างไร มีนมผงให้หรือไม่ หรือคุณแม่ต้องเตรียมมาเอง
- คุณแม่ต้องเตรียมอะไรไว้บ้าง ซึ่งโดยมากก็จะเป็นผ้าอ้อม ผ้าห่ม เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน
- มีจำนวนคุณครูต่อเด็กเพียงพอหรือไม่ พยายามเยี่ยมชมศูนย์รับเลี้ยงตอนที่มีการจัดกิจกรรม เพื่อดูว่ามีคุณครูในแต่ละห้องเพียงพอหรือไม่ (ให้คุณแม่สอบถามก่อนนะคะว่าน้องหนูต้องงีบตอนกี่โมง แล้วจึงไปเยี่ยมชมก่อนหรือหลังเวลานั้นค่ะ)
- นโยบายเมื่อเด็กไม่สบายเป็นอย่างไร จำเป็นต้องให้เจ้าตัวน้อยอยู่บ้านเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หรือ 48 ชั่วโมงหลังจากไม่สบายหรือไม่ (หมายเหตุ: หากจำเป็น คุณพ่อคุณแม่ควรหาพี่เลี้ยงเด็กสำรองไว้ด้วยค่ะ)
- มีการรักษาความปลอดภัยอย่างไรบ้าง นโยบายในการรับเด็กเป็นอย่างไร ผู้ปกครองจำเป็นต้องลงทะเบียนหรือไม่ ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจำเป็นต้องแสดงบัตรหรือไม่ บริเวณสนามเด็กเล่นมีรั้วกั้น และล็อกมิดชิดหรือไม่
พูดคุยกันเรื่องระเบียบต่างๆ บอกให้พี่เลี้ยงทราบถึงสิ่งที่สามารถปฏิบัติได้ (เช่น เวลาพัก หรือลางาน) สอบถามศูนย์รับเลี้ยงเด็กเกี่ยวกับระเบียบต่างๆ และมั่นใจว่าคุณพอใจกับระเบียบเหล่านั้น
วางกฎต่างๆ สำหรับการเลี้ยงเด็กที่บ้าน พี่เลี้ยงสามารถพาเจ้าตัวน้อยออกไปเดินเล่น หรือพาไปเที่ยวได้หรือไม่ หากสามารถทำได้ ให้ทำรายการสถานที่ที่อนุญาตให้ไป (เช่น ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ฯลฯ) รวมถึงระบุระยะทางจากบ้านด้วย
สอบถามกับผู้ที่แนะนำมา แม้ว่าการสัมภาษณ์จะเป็นไปด้วยดี แต่ก็ควรถามเพื่อนที่แนะนำมาเพื่อความมั่นใจด้วยค่ะ
หาวันเหมาะๆ ให้พี่เลี้ยงลองมาเยี่ยมบ้านก่อนเริ่มทำงาน ให้พี่เลี้ยงที่คุณได้สัมภาษณ์และพอใจแล้วมาเยี่ยมบ้านสักสองสามชั่วโมงเพื่อทำความคุ้นเคยกับเจ้าตัวน้อย และแนะนำว่าสิ่งของที่จำเป็นในบ้านอยู่ตรงไหนบ้าง ด้วยวิธีนี้ หากพี่เลี้ยงมีข้อสงสัยเกิดขึ้น คุณจะได้สามารถตอบได้ทันทีค่ะ