เมื่อต้องเลี้ยงลูกในห้องแอร์


1,115 ผู้ชม


"เมื่อต้องเลี้ยงลูกในห้องแอร์"

     การติดเครื่องปรับอากาศหรือที่เรียกกันติดปากว่า "แอร์" ให้เย็นสบายกลายเป็นเรื่องที่ทุกบ้านนิยมกัน แต่ว่าการให้ลูกอยู่ในห้องแอร์ที่เย็นฉ่ำ อันผิดกับธรรมชาติของโลกภายนอกนั้น หากไม่ระวังใส่ใจกันให้ดี ก็อาจจะส่งผลกระทบกับสุขภาพของลูกเอาได้ค่ะ

สุขภาพ VS ความสบาย
           จริงอยู่ที่เด็กทารกควรจะอยู่ในห้องมากกว่าเผชิญโลกกว้าง เพราะภายในห้องจะมีอุณหภูมิที่คงที่มากกว่าอากาศด้านนอก และป้องกันทารกจากลมและมลพิษอื่น ๆ ได้ด้วย แต่ว่าเมื่อลูกอยู่ในห้องแอร์ใช่ว่าจะเจอแต่สิ่งดี ๆ เท่านั้น เพราะการเปิดแอร์ให้ลูกรักตลอดเวลา ทำให้ห้องมีความชื้นสูง เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่คลอดก่อนกำหนด การทำงานของปอดมักจะไม่แข็งแรงและภูมิต้านทานต่ำ จึงอาจจะปอดบวมได้
           ยิ่งไปกว่านั้นถ้าอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ ไม่ใช่เพียงแต่เด็กเล็ก ๆ ที่อาจจะเกิดโรคได้ แต่เด็กวัยซนหรือผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นภูมิแพ้ได้เช่นกัน เพราะหากเด็กๆ แพ้สปอร์จากเชื้อรา และภายในเครื่องแอร์นั้นเป็นแหล่งเพาะเชื้อราอย่างดี และเมื่อพ่นออกมาทั่วห้องเด็ก ๆ จึงมีสิทธิ์หายจากอาการภูมิแพ้ยากขึ้นและหายใจไม่ออกมากขึ้นด้วย
           นอกจากนั้นสรีระกายภาพของทารกน้อยนั้น จะมีรูจมูกที่ค่อนข้างเล็ก หากมีอะไรเข้าไปกระตุ้นไม่ว่าจะเป็นฝุ่นผง ความเย็น หรือความชื้นก็จะทำให้รูจมูกบวมขึ้นมา มีน้ำมูกและรูจมูกตันจากน้ำมูกได้ ซึ่งเวลาที่คุณแม่ดูเผินๆ เหมือนลูกจะเป็นหวัด การอุดตันของรูจมูกนั้นทำให้เด็กรำคาญตัว นอนไม่หลับ จนเป็นบ่อเกิดของอาการไม่สบายอย่างอื่นอีกด้วย
อากาศในห้องเรื่องสำคัญ
           ธรรมชาติของแอร์นั้นจะควบคุมอุณหภูมิ และความเย็นภายในห้องได้อย่างทั่วถึง ทำให้เนื้อตัวไม่เหนียวเหนอะนะ ลดความหงุดหงิด ความไม่สบายตัว รวมทั้งกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้อีกด้วย จะเห็นได้ว่าไม่ว่าเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ที่อยู่ในห้องแอร์จะนอนหลับได้สนิท และอารมณ์ดีกว่าอยู่ในห้องข้างนอกที่มีอากาศร้อนอบอ้าว
           แต่ทว่าก่อนที่คุณจะติดตั้งแอร์ในห้องนอนลูก ควรจะเลือกขนาดบีทียูของแอร์ให้สอดคล้องกับ ความกว้างของห้อง รวมทั้งการติดตั้งพัดลมดูดอากาศ ซึ่งจะช่วยทำให้มีออกซิเจนหมุนเวียนอยู่ในห้องเพิ่มขึ้น อีกทั้งการดูแลความสะอาดจะต้องล้างที่กรองฝุ่นทุกอาทิตย์ เพราะอากาศเมืองร้อนอย่างบ้านเรามักจะมีฝุ่นเยอะ ถ้าไม่ล้างที่กรองฝุ่นบ่อย ๆ อาจจะทำให้เชื้อโรคหมักหมมจนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้
เทคนิคเปิดแอร์ในห้องลูกเล็ก
           บอกตามตรงว่าเราปฏิเสธการใช้แอร์ได้ยาก เพราะฉะนั้นก่อนอื่นเรามาใช้แอร์ในห้องลูกให้เป็นกันดีกว่า
           - ปรับอุณหภูมิให้ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป ที่ประมาณ 25-27 องศาเซลเซียส
           - ตั้งปรับพัดลมของแอร์ให้เป็นระบบ Auto Swing และตั้ง Sleep โหมด เพื่อทำให้อุณหภูมิในห้องไม่เย็นจนเกินไป และกระจายความเย็นทั่วห้อง
           - หลีกเลี่ยงการเปิดแอร์ในตอนเช้าและตอนกลางคืน เพราะอากาศค่อนข้างเย็นอยู่แล้ว
           - ตั้งเตียงหรือเบาะนั่งเล่นของลูกเลี่ยงทิศทางลม ไม่ให้อยู่ในระดับทางลมแอร์พัดโดยตรง เพราะเมื่อลมแอร์ตกลงที่ศีรษะเด็กอย่างจัง อาจทำให้เจ้าหนูอาจไม่สบายได้
           - เปิดห้องให้อากาศบริสุทธิ์ภายนอกไหลเวียนเข้ามาบ้าง อย่างน้อยวันละ 3-4 ชั่วโมงขึ้นไป รวมทั้งเปิดม่านให้แดดส่องเพื่อฆ่าเชื้อโรคในห้อง
           - ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเฟอร์นิเจอร์ให้ปราศจากฝุ่นดีกว่าการปัดฝุ่น เพราะการปัดจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายยิ่งขึ้น
           - หลีกเลี่ยงการใช้แอร์เคลื่อนที่ชนิดเติมน้ำหรือเติมน้ำแข็ง เพราะว่าจะทำให้ลูกหายใจเอาละอองน้ำเข้าไปด้วย ส่งผลให้ปอดบวมหรือปอดชื้นได้
           - สำหรับเครื่องฟอกอากาศไม่จำเป็นเท่าไรนัก เพราะว่าปัจจุบันแอร์รุ่นใหม่ที่วางขายสมัยนี้ มีเครื่องฟอกอากาศพร้อมใน เครื่องแล้ว อาจจะลองตรวจสอบอีกครั้งว่า แอร์ที่ใช้อยู่มีระบบฟอกอากาศอยู่หรือเปล่า
           - ช่วงหน้าร้อนนี้อักษรสินแนะนำให้คุณแม่เปิดแอร์ภายในห้อง เฉพาะตอนที่อากาศร้อนเหลือกำลังจริงๆ เพราะอย่างน้อยเจ้าหนูก็จะได้คุ้นชิน และมีภูมิต้านทานความร้อน และไม่โยเยเพราะติดห้องแอร์ และการที่ให้เจ้าหนูเขาอยู่ในอากาศธรรมชาติ ย่อมจะดีต่อสุขภาพที่สุดค่ะ
รู้ก่อนใช้แอร์กับลูกเล็ก
           - อย่าพาลูกเข้าห้องแอร์ทันทีหลังอาบน้ำเสร็จ หรือพาลูกเดินเข้าออกระหว่างห้องแอร์กับอากาศภายนอกบ่อยๆ เพราะจะทำให้ร่างกายของลูกปรับอุณหภูมิไม่ทันจนไม่สบายได้
           - เมื่อลูกอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ ผิวของเบบี๋จะค่อนข้างแห้ง เบบี้ออยจึงมีความจำเป็นมาก คุณแม่ควรทาให้ลูกเพื่อป้องกันผิวแห้งและคันจนเป็นแผล
           - คุณแม่ไม่ควรใส่เสื้อผ้าหนาจนเกินไปให้เจ้าหนู แม้จะอยู่ในห้องแอร์ เพราะบ้านเราก็ไม่ใช่เมืองหนาว ใส่ผ้าฝ้ายธรรมดาระบายอากาศได้ดี จะทำให้เจ้าหนูสบายตัวมากกว่า
           - ยามเช้าและยามเย็นคุณแม่ควรพาลูกไปรับแสงแดดอ่อน ๆ เพื่อให้ลูกได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์บ้าง ดีกว่าเติบโตอยู่ในห้องแอร์อย่างเดียว 
ที่มา   https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=490

อัพเดทล่าสุด