"พัฒนาการไม่สมวัย จะรู้ได้ไง"
พ่อแม่ก็สามารถสังเกตลูกน้อยของตัวเองในระดับเบื้องต้นได้ ว่าพัฒนาการของลูกมีปัญหาหรือเปล่า เพราะความผิดปกติบางอย่างก็อาจบอกได้จากพัฒนาการเหมือนกัน
หม่ำๆ ร้องๆ 0-3 เดือน
อย่างนี้สิปกติ
- หันหน้าไปหาเสียงพูดหรือเสียงเพลง
- มองและหันหน้าตามของที่เคลื่อนไหว
- แสดงอารมณ์ทางสีหน้าเมื่อเจอคนที่คุ้นเคย
- มองและหันตามของเล่นที่เคลื่อนไหว
- เริ่มตีสิ่งของและคว้าเข้ามาหาตัว
- ส่งเสียงอืออา ตอบรับเสียงที่ได้ยิน
- ตาสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้
- มีความสนใจต่อสิ่งต่างๆ ได้นานระดับหนึ่ง
มีแนวโน้มผิดปกติ
* ไม่สะดุ้งหรือตกใจเมื่อเกิดเสียงดัง
* ไม่มองตามมือตนเองเลย
* ไม่ยิ้มหรือมีปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อคุยเล่นด้วยหลังอายุ 2 เดือน
* ไม่มองตามของเล่นเลยเมื่ออายุ 2-3 เดือน
* ไม่ยอมจับหรือถือของเล่นเมื่ออายุ 3- เดือน
* ไม่ทำเสียงครางเมื่ออายุ 3- เดือน
* ตาเขตลอดเวลา (อาการตาเขบางครั้งยังถือว่าปกติ)
* ไม่สนใจคนแปลกหน้าหรือสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ เลย
* เล่นเสริมพัฒนาการ โมบายล์ปลาตะเพียนที่มีสีสันสดใส เปิดกล่องเพลงหรือร้องเพลงให้ลูกฟัง
อ้อแอ้ไขว่คว้า -7 เดือน
อย่างนี้สิปกติ
* ยันตัวเริ่มคลาน อาจจับสิ่งของเพื่อดึงตัวเองขึ้น
* นั่งได้นานแม้ไม่พยุง และเริ่มหยิบจับของเล่น
* ถือของได้ข้างละอัน อาจจับมากระทบกัน
* ชอบดูดนิ้วและเริ่มหยิบอาหารเข้าปาก
* พลิกคว่ำได้คล่องแคล่ว
* ตามองตามสิ่งของไปในทางเดียวกัน
* ชอบของเล่นมีเสียง
* มีอารมณ์คึกคักบ่อยขึ้น
* แสดงความต้องการเป็นคนหนึ่งในสังคม
มีแนวโน้มผิดปกติ
* เคลื่อนไหวขาไม่คล่อง กล้ามเนื้อแข็งและเกร็ง
* เวลาจับอยู่ในท่านั่ง ตัวอ่อนปวก- เปียก ศีรษะตกไปอยู่ด้านหลัง
* ใช้มือได้ข้างเดียว
* เอาของใส่ปากลำบาก
* ไม่พลิกตัวเองเมื่ออายุ 5 เดือน
* ตาข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างเบนออกข้างนอกหรือเข้าข้างใน
* ไม่หันตามเสียง
* ไม่หัวเราะเสียงดังเมื่ออายุ 6 เดือน
* ไม่เล่นจ๊ะเอ๋หรือตอบสนองคนรอบข้าง
* เล่นเสริมพัฒนาการ ลูกบอลนิ่มๆ สีสดใส เล่นแล้ว
เกิดเสียง ของเล่นที่มีลูกปัดข้างใน เขย่าแล้วเกิดเสียงหนังสือเด็กรูปสัตว์สามมิติ
ต้วมเตื้ยม เตาะแตะ -12 เดือน
อย่างนี้สิปกติ
* ยืนได้ด้วยตัวเองตามลำพัง อาจโยกตัวเล่นไปมา
* ค้นหาของที่เอาไปซ่อนต่อหน้าได้สำเร็จ
* พูดได้มากกว่าคำว่า พ่อ แม่ ชอบพูดงึมงำคนเดียว
* รู้สัญลักษณ์ของวัตถุ เช่น พูดคำว่าหมาก็ทำเสียงคำรามตาม
* ชี้ของผ่านกระจกใสได้
มีแนวโน้มผิดปกติ
* ยังไม่คลานและไม่ยอมยืนเมื่อจับให้ยืน
* ไม่ค้นหาของที่ซ่อน แม้เด็กจะเห็นว่าซ่อนที่ไหน
* ไม่เรียกพ่อแม่หรือคำง่ายๆ เมื่ออายุ 1 ปี
* ไม่เรียนรู้ท่าทางเช่น บ๊ายบาย สั่นศีรษะ
* ไม่ชี้ที่รูปหรือสิ่งของ
* เล่นเสริมพัฒนาการ หัดดื่มน้ำจากถ้วย หัดเล่นกับพี่น้อง หรือเพื่อน หนังสือสีสดที่มีตัวสัตว์และตัวหนังสือหรือตัวเลข
พัฒนาการดีหรือไม่ มาจาก
สุขภาพเด็ก แน่นอนค่ะ หากเด็กที่มีสุขภาพดีจะมีพัฒนาการที่เร็วและสมบูรณ์กว่าเด็กที่อ่อนแอ เพราะกำลังในการเคลื่อนไหว ของเด็กที่อ่อนแอจะมีน้อยกว่านั่นเอง
ความสุข เด็กที่มีความสุข ความสบายใจ อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น จะมีพัฒนาการที่รวดเร็วกว่าในครอบครัวที่หย่าร้างหรือให้ความอบอุ่นกับเด็กไม่เพียง-พอ เพราะภาวะเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจ ทำให้เด็กเกิดความเครียดและรู้สึกเศร้าหมองได้
ความแกร่ง เด็กที่มีความแกร่งนั้นเกิดมาจากความรักความอบอุ่นของพ่อแม่ที่ให้เขาอย่างเพียงพอ จนทำให้เขามีความมั่นใจ รู้สึกปลอดภัย กล้าที่จะเรียนรู้ ต่อสู้กับปัญหาเฉพาะหน้าได้ในอนาคต
สมองผิดปกติ
พัฒนาการที่ผิดปกติและอันตรายที่สุดคงจะหลีกหนีความผิดปกติของสมองไม่ได้ เพราะความผิดปกติของสมองเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและรักษาได้ลำบาก ซึ่งความผิดปกตินี้สังเกตได้จากพัฒนาการตั้งแต่เล็กเช่น การไม่สนใจสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งรอบข้างทั้งๆ ที่ถึงวัยที่สมควรแล้ว คลานหรือเดินงุ่นง่านอยู่คนเดียว น้ำลายยังไหลมุม ปากแม้อายุเกิน 1 ขวบแล้ว จับโน่นนี่ไร้เป้าหมาย ซึ่งเรา อาจต้องช่วยลูกในการฝึกกิจกรรมพัฒนาสมอง เล่นเกม พูดคุยกับลูกบ่อยๆ เพื่อให้ลูกได้พัฒนาให้มากที่สุด
การได้ยินผิดปกติ
หากลูกเราไม่มีอาการตกใจเวลาเสียงดังหรือเรียกแล้วไม่หันตามเสียง แกอาจมีปัญหาการได้ยินก็เป็นได้ ลองสังเกตดูและรีบตัดสินใจพาลูกไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อให้การดูแลรักษาได้ทันท่วงที
เห็นแบบนี้พ่อแม่อย่าเพิ่งตกใจหรือกังวลจนมากเกินไป เพราะพัฒนาการของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจช้าหรือเร็วไปจากเกณฑ์มาตรฐานทั่วๆ ไป หรืออาจเกิดจากองค์ประกอบอื่นๆ
ตัวอย่างเช่น การที่เด็กใช้มือข้างเดียวหยิบจับของบ่อยๆ อาจจะเป็นเพราะเด็กมีความถนัดในมือข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป หากสังเกตอีกระยะหนึ่งเด็กก็ยังไม่ใช้มืออีกข้างก็ควรจับมือเด็กข้างนั้นให้จับหรือถือของเล่น เพื่อช่วยเด็กในการพัฒนากล้ามเนื้อค่ะ แต่ขณะเดียวกันถ้ามือเด็กดูไม่มีแรง หยิบจับของไม่ได้เลย เห็นทีควรปรึกษาแพทย์จะดีกว่าและอยากฝากไว้สักนิดค่ะว่า ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นเพียงเกณฑ์เปรียบเทียบคร่าวๆ ไม่ใช่มาตรฐานตายตัว เพียงแต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้จักสังเกตลูกและพบสิ่งผิดปกติได้ไวก็จะได้แก้ไขได้ทันท่วงทีค่ะ
ที่มา https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=132