1. หากคนผิวคล้ำมีผิวแห้งร่วมด้วย ผิวจะออกเป็นสีเทาหม่นไม่สดใส บางทีดูเหมือนผิวสีขี้เถ้า จึงแนะนำว่าสาวผิวคล้ำอย่าลืมใช้ครีมให้ความชุ่มชื้น (moisturizers) เติมความชุ่มชื้นและความนุ่มเนียนให้แก่ผิวพรรณของคุณอย่างสม่ำเสมอ อาจลองเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหลายยี่ห้อดู ใช้ชนิดใดแล้วชอบใจก็เลือกใช้ชนิดนั้นได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นของที่แพงมาก

2. หญิงผิวคล้ำบางคนจะมีผิวสีไม่สม่ำเสมอ บางส่วนของผิวหนังจะคล้ำกว่าส่วนอื่น ถ้าเป็นเช่นนั้นต้องเลือกครีมรองพื้น (Foundation) ที่มีสีเข้ากับเฉดของสีผิวส่วนใหญ่ แต่ถ้าผิวที่มีสีแตกต่างกันนั้นแตกต่างกันไม่มาก ให้ใช้ครีมรองพื้นที่มีสีระหว่างกลาง (เฉลี่ย) ระหว่างผิวที่แตกต่างกัน 2 สีนั้น

3. ถ้าไม่สามารถหาเครื่องสำอางในท้องตลาดที่เหมาะสมสำหรับผิวสีของคุณได้ อาจจำเป็นต้องหาร้านที่ขายเครื่องสำอางที่ผสมเฉพาะสำหรับผิวสีของแต่ละคน (customblend foundation color) และใช้หลักการเดียวกับการเลือกใช้ครีมรองพื้นทั่วไป คือพยายามขอตัวอย่างมาทดลองใช้เพียงเล็กน้อยก่อน ถ้าได้ผลเป็นที่พอใจแล้วจึงค่อยซื้อมาใช้เป็นประจำ อย่างไรก็ตามเครื่องสำอางที่ผสมใช้เฉพาะแต่ละบุคคลนี้ ค่อนข้างมีราคาสูงและเสียเวลามาก จึงขอแนะนำให้ใช้ทางเลือกนี้ต่อเมื่อทดลองใช้เครื่องสำอางสำเร็จรูปแล้วไม่ได้ผลถูกใจ

4. หญิงผิวคล้ำเวลาเกิดบาดแผลหรือเป็นสิว เมื่อแผลหรือสิวหายแล้ว มักเกิดรอยคล้ำ ซึ่งใช้เวลานานหลายเดือนหรือหลายปีสีจึงจางลง จึงไม่ควรแกะเกาผิวหนังหรือบีบแกะสิว

5. ยาทาให้ผิวขาวที่เรียกว่า whitening agents มีหลายตัว เช่น กรดผลไม้ (AHA) ชะเอม (licorice) กรดโคจิก ไฮโดรควินโนน ฯลฯ บางตัวขายในรูปเครื่องสำอาง บางตัวถือว่าเป็นยา ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ ควรศึกษาข้อดีข้อเสีย และอ่านฉลากให้เข้าใจชัดเจนก่อนเลือกใช้ หรือควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้ และทุกครั้งที่ใช้ยาทาให้ผิวขาว ควรเลือกใช้ครีมกันแดดร่วมไปด้วย เพราะคนผิวขาวมีโอกาสได้รับผลเสียจากแสงแดดมากกว่าคนผิวคล้ำ

6. คนผิวคล้ำจะเหี่ยวแก่ช้ากว่าคนผิวขาว และมีโอกาสเกิดมะเร็งของผิวหนังต่ำกว่า เพราะมีเม็ดสีที่ปกป้องภยันตรายจากแสงแดดสูงกว่า และแนวโน้มของความนิยมทั่วโลก ถือว่าผู้หญิงผิวคล้ำแลดูดึงดูดกว่าหญิงผิวขาวซีด ดังนั้นจึงไม่อยากแนะนำให้ทายาให้ผิวมีสีขาว แต่อยากให้มั่นใจและภูมิใจในผิวสีคล้ำมากกว่า