อาหารสุกๆดิบ ยังไงก็อันตราย


1,317 ผู้ชม


"อาหารสุกๆดิบ ยังไงก็อันตราย"

    เคยเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆมาก่อนที่ภาคอีสานของเราเกี่ยวโรคที่มาจากการกินอาหารสุกๆดิบ แต่ทุกวันนี้คนไทยอาจลืมเรื่องพวกนี้ไปแล้ว เพราะเห็นกินปลาดิบกันเป็นเรื่องปกติในชีวิตไปซะแล้ว กลายเป็นค่านิยมที่ผิดๆ

สำหรับใครที่ชอบกินอาหารสุกๆดิบ เป็นประจำไม่ว่าจะเป็นของไทยหรือของญี่ปุ่นโดยเฉพาะปลาดิบที่กินกันเป็นเรื่องปกติ ในทุกวันนี้ เคยรู้ไหมว่าสมัยหนึ่งประเทศไทยเคยรนรงณ์อย่างหนักเกี่ยกับอันตรายที่เกิดจากการกินอาหารสุกๆดิบๆ แต่ทุกวันนี้ วัฒนธรรมของญี่ปุ่นเข้ามากทำให้คนไทยหันมากินปลาดิบตามชาวญี่ปุนกันอย่างแพร่หลาย แต่เชื่อเถอะคะว่า ถึงเวลาจะผ่านไปนานจนคนไทยลืมไปแล้ว แต่อันตรายจากการกินอาหารสุกๆดิบๆก็ยังอยู่ไม่เคยเปลี่ยนคะ

ปลาดิบ

 

เรื่องน่ารู้! อาหารสุกๆ ดิบๆ

การบริโภคอาหารถูกสุขอนามัยปรุงสุกสะอาดสดใหม่ รู้เข้าใจในวิธีการเก็บรักษาอาหารยังมีส่วนสำคัญช่วยสร้างเสริมสุขภาพหลีกไกลจากความเจ็บป่วย อ.นพ.ปริย พรรณเชษฐ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ หน่วยโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีให้ความรู้ว่า โรคที่มาจากการติดเชื้อทางอาหารมีทั้งพวกเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส รวมทั้งสารพิษที่สร้างจากเชื้อพวกนี้ อย่างที่พบบ่อยเชื้อแบคทีเรียซึ่งทำให้มีไข้ ท้องเสีย ปวดท้อง ฯลฯ เชื้อโรคพวกนี้มีอยู่ทั้งในลำไส้ของสัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อีกทั้งในอาหารทะเลพวกหอยหลายชนิด ฯลฯ ดังนั้นหากนำมารับประทานนำไปทำอาหารโดยไม่สุกไม่สะอาดก็จะมีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส
"อาหารที่ปรุงไม่สุกแน่นอนว่าย่อมนำมาซึ่งความเจ็บป่วย ทีนี้พอเข้าไปในร่างกายก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลารวมทั้งจำนวนเชื้อโรคที่เข้าไปร่วมด้วย ส่วนใหญ่เชื้อจะเข้าไปฟักตัวเป็นชั่วโมงหรือทั้งวันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเชื้อที่ได้รับเข้าไป ความรุนแรงของเชื้อนั้นๆ ขึ้นอยู่กับสภาวะของคนไข้ที่รับเชื้อเข้าไป อย่างเช่น เด็ก ผู้สูงอายุ สตรีตั้งครรภ์ มีโอกาสเป็นรุนแรงมากกว่าคนปกติ อีกทั้งผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำอย่างผู้ที่เป็นมะเร็งหรือเป็นโรคเลือดก็มีโอกาสเป็นได้เยอะกว่า"


อาการที่ปรากฏจะคล้าย กันคือ ปวดท้อง มีไข้ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ส่วนใหญ่เชื้อพวกนี้มักจะหายเองได้ใน 2-3 วัน เว้นคนไข้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำอาจจะเสียน้ำ เสียเกลือแร่ อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

sushisushi


การดูแลสุขภาพจึงควรรับประทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อย่างในต่างประเทศอาหารสุกจะมีแท่งวัดอุณหภูมิปักลงไปในเนื้ออุณหภูมิต้องเกิน 78 องศาเซลเซียสถึงจะปลอดภัย ขณะที่ด้านนอกต้องเกิน 100 องศาเซลเซียสและก่อนการปรุงอาหารต้องล้างให้สะอาดทั้งเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ในการล้างก็ต้องล้างแยกกัน การใช้เขียง ใช้มีด ฯลฯ หั่นแล้วก็ต้องล้างทำความสะอาด เป็นต้น
อาหารที่ปรุงสุกเมื่อตั้งให้เย็นแล้วควรเก็บใส่ตู้เย็นภายใน 4 ชม. หากตั้งวางไว้เชื้อโรคอาจจะเพิ่มจำนวนหรืออาจจะสร้างสารพิษขึ้นมาในช่วงนั้นได้ การเก็บควรแยกเป็นภาชนะเล็กๆ จะช่วยให้เย็นเร็วขึ้น การรับประทานก็ควรนำมาอุ่นซึ่งขณะการอุ่นอาหารควรทำให้เดือดไม่ใช่แค่ทำให้ร้อน ส่วนพวกผัก ผลไม้ ควรล้างให้น้ำไหลผ่านชะล้างเชื้อโรค
นอกจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสที่มากับอาหารที่ปรุงไม่สุก พยาธิ ที่อยู่ในดินที่ติดมากับผัก สัตว์รวมทั้งหากสัมผัสขุดจับดินที่มีพยาธิโดยไม่ล้างมือให้สะอาดก็อาจจะติดเข้าไปในร่างกายติดกับอาหารที่รับประทาน อย่าง พยาธิกล้ามเนื้อหากเข้าสู่ร่างกายจะไปฝังตามกล้ามเนื้อ พวกนี้ติดมากับพวกหมู กระรอก กระแต หนู 

นอกจากนี้ยังมีพยาธิตัวจี๊ด ซึ่จะไชเจ้าไปตามผิวหนังทำให้รู้สึกคัน พวกนี้จะอยู่ในพวกไรน้ำ ที่กุ้ง ปู ปลา กินเข้าไป หากเรากินอาหารเหล่านี้โดยไม่ปรุงให้สุก พยาธิพวกนี้ก็จะเข้าไปในร่างกายของเรา เช่น พยาธิใบไม้ในตับส่วนมากพบในภาคอีสานของประเทศไทย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งทางท่อน้ำดีอาการที่พบก็คือตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้อย่างรวดเร็ว

อย่างที่กล่าวมาการที่เราปรุงอาหารไม่สุก ทิ้งไว้ตากอากาศจะทำให้เชื้อต่างๆเข้าสู่ร่างกายไปเจริญเติบโต และทำให้เกิดโรคภัยต่างๆได้ การทำอาหารให้สุกนั้นถ้าเป็นอาหารประเภทแกง ต้ม ต้องใช้น้ำเดือดๆอย่างน้อย 5 นาที ส่วนปิ้งย่างก็ไม่ควรให้เหลือเนื้อแดง โดยส่วนมากแล้ว พยาธิต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายในระยะแรกน้ันไม่ทำให้เกิดอาการผิดปกติ แต่จะใช้เวลานานจนกระทั่งเชื้อต่างๆแพร่กระจายไปรบกวนระบบการทำงานของร่างกายเราถึงจะสามารถรู้ได้ และบางครั้งอาจสายเกินไปที่จะรักษา จนทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

อัพเดทล่าสุด