การเดินทางของรักแรก


849 ผู้ชม


"การเดินทางของรักแรก"

    คุณเคยมีมื้อพิเศษที่ประทับใจจนยากจะลืมไหม ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปีๆ ก็ยังลืมไม่ลง และไม่อยากจะลืม บางทีอาจเป็นความทรงจำนานแสนนานตราบชั่วชีวิต

มื้อพิเศษบางมื้ออาจพลิกเปลี่ยนชีวิตของคุณไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เกินกว่าที่คุณจะนึกฝัน...

 

เพื่อนสนิทของฉันมีนัดกินข้าวกับคนรักเก่า สมัยดึกดำบรรพ์ ประเภทรักแรกวัย ๑๐ ขวบต้นๆ โลกวัยนั้นของเธอยังเป็นสีขาว ไม่ใช่สีชมพูหวานแหววด้วยซ้ำ

 

เธอเล่าว่าไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าดีใจที่ได้เจอเพื่อนฝูงพรรคพวกเก่าๆ ได้พูดคุยทักถามข่าวคราวกัน ออกจะตื่นเต้นบ้างค่าที่เป็นรักแรก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดคุยกันออกรสออกชาติได้แค่ไหน เพราะจากกันนานเป็น ๓๐ ปี บางทีสนิมจะขึ้น ในเมื่อชีวิตแต่ละคนก็ก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงจากจุดเดิมไปไกลโข

คิดดูเถอะ จากเด็กหน้าใสวัยรุ่นตอนต้นที่เคยพบเจอ จีบกันแบบกุ๊กกิ๊กน่าเอ็นดู ป่านนี้ทั้งเธอและหวานใจวัยเด็กมีอายุขึ้นต้นด้วยเลข ๔ แล้วทั้งคู่ อยู่ในวัยครึ่งค่อนชีวิต อีกไม่กี่ปีตัวเลขอายุก็จะขึ้นต้นด้วยเลข ๕ ที่ใครๆ ก็เรียกขานกันว่าเป็นวัยอาวุโส

 

ในที่สุด ทั้งคู่ก็ได้พบกันตามนัด ปรากฏว่าอาหารมื้อนั้นทำเอาโลกหมุนกลับ... เขาและเธอพูดคุยกันได้ออกรส ชนิดต่อกันติด เป็นการกินอาหารร่วมกันที่มีความสุขเกินกว่าที่คิด และเธอรู้สึกตกใจที่พบว่าตนเองตกหลุมรักคนรักเก่ายุคดึกดำบรรพ์เข้าให้แล้ว

 

บางครั้ง อาหารก็มิใช่เป็นเพียงอาหาร แต่ยังเป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างวันเวลาในอดีตกับวันเวลาปัจจุบันเข้าด้วยกัน... เป็นบรรยากาศของความอบอุ่น ความวางใจ ที่วันวานเป็นอย่างไร วันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น

 

เธอนึกเปรียบเทียบระหว่างอาหารรสชาติอร่อย บรรยากาศหรู ทุกสิ่งล้วนเต็มด้วยรสนิยมที่ยอดเยี่ยม แต่เธอไม่ได้รับรู้ถึงรสชาติของความสุข ความเบาสบาย ผ่อนคลายอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อต้องนั่งเจรจาธุรกิจการงาน ต้องคำนึงถึงการชิงไหวชิงพริบ ระมัดระวังตัวตลอด บ่อยครั้งที่น้ำใสใจจริงของผู้คนบนโต๊ะอาหารถูกซุกซ่อนไว้ภายในใจส่วนลึก แต่แสดงออกภายนอกด้วยคำพูดหวานหู รอยยิ้มที่ฉาบทาตามมารยาทสังคม

 

ต่างจากมื้ออาหารมื้อนั้นที่รสชาติอาหาร หรือแม้แต่บรรยากาศก็ธรรมดาๆ ที่เลือกร้านนี้ก็เพราะใกล้ที่ทำงานของทั้งคู่ ถือว่าไปมาสะดวก แต่ผู้ร่วมมื้ออาหารต่างหากที่ทำให้บรรยากาศและรสชาติอาหารพลอยน่ากิน ในเมื่อสามารถพูดคุยด้วยสบายอกสบายใจ ยิ้มได้อย่างที่เป็นยิ้มจากใจ ไม่ต้องระแวดระวัง ชิงไหวชิงพริบใดๆ เรียกว่าเธอสามารถเป็นตัวของตัวเอง เป็นเธออย่างที่เธอเป็นจริงๆ....

 

อาหารมื้อพิเศษมื้อนั้นจึงมีมนต์ขลัง เหมือนเช่นมนต์ขลังแห่งรักแรกของทั้งคู่...

 

หลายคนกล่าวกันว่ารักแรกมักซาบซึ้งตรึงใจคนเสมอ เสน่ห์ของรักแรกคงเป็นความสดสะอาด ความใสซื่อ ไร้เดียงสาน่าเอ็นดู เหมือนนักกีฬาที่ลงสนามแข่งขันครั้งแรก ความตื่นเต้นระทึกใจในวันนั้น แม้จนเมื่อวันเวลาผ่านไปก็ยังคงรู้สึกได้ถึงบรรยากาศยามนั้น

 

เมื่อผ่านโลก ต้องผจญสารพัดพิษภัยในชีวิตมากขึ้น ดวงตาที่เคยใสซื่อ กลับมีแววแก่กล้า กร้านโลกขึ้น เมื่อได้เจอรักแรก เพื่อนบอกว่าเหมือนย้อนนึกถึงวันเวลาเก่าๆ ที่ยังสดใส ไม่เดียงสา ครั้งที่ดวงตา ดวงใจยังใสบริสุทธิ์ พลอยให้รู้สึกสบายใจ ปลอดภัยกับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ไม่ได้รู้สึกว่าต้องระวังระแวง เหมือนการคบหาใครๆ ในวันเวลาปัจจุบันที่อาจรู้หน้า แต่ไม่รู้ใจ

 

อาจเพราะรักแรกในวัยเยาว์เป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกล้วนๆ เรียกว่ารักจากใจใสๆ ขอเพียงให้ได้รัก ไม่มีคำว่าผลประโยชน์ ความเหมาะสม ฯลฯ มาให้ต้องคิดชั่งตรองเหมือนเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว

คืนนั้นเธอกลับไปเปิดกล่องบรรจุความหลัง เป็นกล่องไม้เล็กๆ ใส่รูปและจดหมายของเพื่อนฝูงเก่าๆ มีรูปอยู่ใบหนึ่งในกองรูปเก่าๆ นั้น เป็นรูปขนาดโปสการ์ดของคนรักคนแรกที่เซ็นสลักหลังด้วยประโยคว่า....ขอมอบภาพนี้ให้ไว้เป็นที่ระลึก หวังว่าคงไม่ลืมพี่... ลงท้ายว่ารัก ก่อนลงลายมือชื่อคนเขียน ดูแล้วก็อดยิ้มในความเชย แต่น่ารักของห้วงเวลาอดีตนั้นไม่ได้

 

จากอาหารมื้อพิเศษในวันนั้น ที่เป็นสะพานนำคนในอดีตสองคนมาพบกัน วันนี้เพื่อนมีชีวิตอยู่กับคนที่เธอเคยรัก อย่างอบอุ่น สุขบ้าง ทุกข์บ้างไปตามประสา และหวังว่าจะเป็นรักสุดท้ายที่ฝากฝีฝากไข้ คอยดูแลกันและกันในวัยบั้นปลาย

 

นี่เรียกว่ามื้อแห่งความทรงจำ เป็นมื้อพิเศษแห่งการเฉลิมฉลองการเดินทางข้ามมิติเวลาของรักแรกที่เจ้าตัวบอกว่าประทับใจและลืมไม่ลงจนบัดนี้...

 

อาหารมิใช่เพียงอาหาร แต่ยังเชื่อมโยง บอกเล่าถึงความห่วงใย ความอบอุ่น ความรัก และเอื้ออาทรในระหว่างกัน บางครั้งเสียงไถ่ถาม ทักทาย แค่เพียงคำว่า “เหนื่อยไหมจ๊ะ” หรือรอยยิ้มที่ส่งถึงกันระหว่างที่แม่ครัวประจำบ้านกำลังหน้ามัน หรือควงตะหลิวเหยงๆ อยู่หน้าเตา เพียงเท่านี้คนปรุงก็มีกำลังใจ หายเหนื่อย หลังปรุงเสร็จก็นั่งกินพร้อมหน้าพร้อมตากัน พูดคุยกัน กินไปยิ้มไป อาหารมื้อนั้นย่อมอร่อย และคนกินก็สุขใจยิ่งกว่านั่งกินในภัตตาคารมีชื่อเจ้าไหนๆ แล้ว หรือใครว่าไม่จริง ?

 

บางวันบางหน สมาชิกในบ้าน จะสองคน สามคน เพราะมีสมาชิกรุ่นเยาว์มาเพิ่ม ช่วยกันทำอาหารคนละไม้คนละมือ คนหนึ่งย่างปลา อีกคนเป็นลูกมือช่วยหั่นผัก อีกคนเป็นแม่ครัวใหญ่ลงมือควงตะหลิว ก็นับว่าเป็นบรรยากาศอันอบอุ่นของบ้าน

 

อาหารที่ปรุงจากความรัก ความใส่ใจของสมาชิกในบ้าน คืออาหารรสชาติอร่อยที่สุด ชนิดที่กุ๊กมีชื่อเชลล์ชวนชิมต้องยกนิ้วให้

 

ในเมื่ออาหารมิใช่เป็นเพียงอาหาร ที่กินเสพทางกาย อิ่มท้อง อร่อยลิ้น แต่ยังหมายรวมถึงอาหารใจ ที่เชื่อมโยงสายใยแห่งหัวใจของคนในบ้านไว้ร่วมกัน

 

จะปรุงด้วยรสชาติไหน เมนูใด จะสร้างบรรยากาศให้หวาน โรแมนติค หรือสนุกสนานอย่างไร ขึ้นอยู่ที่คนสองคน (หรืออาจเป็นสมาชิกในบ้านที่เพิ่มตามจำนวน) เลือกจะให้เป็น ตามแต่ใจและรสนิยมของเราเอง จะสบตากันหวานฉ่ำ หรือกินไปคุยกันไป ยิ้มให้กันไปก็ไม่มีใครว่า ตามแต่อัธยาศัย

 

เพราะทุกมื้อคือมื้อพิเศษแห่งความสุขใจในบ้านของเราเอง ที่ใครๆ ก็ไม่อาจเนรมิตได้ นอกจากสองเราเท่านั้น

อัพเดทล่าสุด