"โรคจากความเครียด"
ทุกวันนี้มีแต่เรื่องราวให้เราเครียดกันไม่เว้นแต่ละวันคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำท่วมก็ทำเอาเราปวดหัวได้เหมือนกัน widemagazine เข้าใจคะเลยหาข้อมูลดีๆมาฝากกันคะ รู้แล้วจะได้ไม่เครียด
อาการเหล่านี้จะแสดงออกมาให้คุณรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังเครียด บางครั้งอาจแสดงออกมาโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำแต่เชื่อเถอะคะ มีคนดูออกคะ ก็คนที่อยู่ใก้ตัวคุณที่สุดนั่นละคะ ไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ คุณแม่ สามี ภรรยา ลูกๆของคุณคะ
ร่างกาย : อาการทางร่างกายที่เมื่อเกิดความเครียดก็มีตั้งแต่ รู้สึกมึนงง ปวดตามกล้ามเนื้อ กัดฟัน ปวดศีรษะ ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย ท้องผูก เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน นอนไม่หลับ หัวใจเต้นเร็ว หูอื้อ มือเย็น อ่อนเพลีย มีเสียงดังให้หู หายใจไม่เต็มอิ่ม ฯลฯ
จิตใจ : ส่วนอาการทางจิตใจ เช่น รู้สึกวิตกกังวล การตัดสินใจไม่ดี ขี้ลืม ไม่มีสมาธิ ไอเดียหดหาย เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ยาก
อารมณ์ : ทางด้านอารมณ์ของคุณ ดูแล้วไม่น่าอยู่ใกล้เอาซะเลย มีแต่อารมณ์ติดลบ เช่น โกรธง่าย วิตกกังวล ซึมเศร้า ท้อแท้ หงุดหงิด มองโลกในแง่ร้าย อาจเผลอกัดเล็บหรือดึงผมตัวเอง
พฤติกรรม : ส่วนด้านพฤติกรรม ก็จะมีพฤติกรรมแปลกไปกว่าที่เคย เช่น กินเก่งขึ้น หันไปพึ่งเหล้าหรือบุหรี่ พูดจาโผงผาง หรือไม่อยากพบปะสังสรรค์กับใคร
โรคที่เกิดจากความเครียด
และความเครียดที่เกิดขึ้นทั้งทางกาย ใจ ก็จะส่งผลทางพฤติกรรม แต่ไม่ได้จบเพียงเท่านั้นนะคะ มันยังจะสะสม หมักหมมไว้พอนานเข้าก็จะทำให้เกิดเป็นโรคต่างๆดังนี้คะ
ความดันโลหิตสูง เกิดจากหลอดเลือดหดตัว เลือดไหลเวียนไม่สะดวกทำให้หัวใจต้องออกแรงดันเลือดเพิ่ม ความดันโลหิตในร่างกายที่เคยอยู่ในระดับปกติจึงเพิ่มระดับสูงขึ้น ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ก็จะนำไปสู่ปัญหาโรคหลอดเลือดหัวใจตามมา
โรคแผลในกระเพาะอาหาร ถ้าเกิดความเครียดเมื่อใดก็ตามกรดในกระเพาะอาหารจะหลั่งออกมา นานไปจะทำให้มีอาการปวดท้องเวลาหิว และปวดท้องหลังกินอาหาร โดยเฉพาะถ้าเป็นอาหารรสจัด เปรี้ยวๆ เผ็ดๆ และของหมักดอง
ภูมิแพ้ เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติอ่อนแอลงอันเนื่องมาจากความเครียด รวมทั้งไข้หวัดก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อร่างกายอ่อนแอเชื้อไวรัสสาเหตุของหวัดก็จะทำร้ายร่างกายของเราได้ง่าย
หอบหืด เป็นผลมาจากปอดและหลอดลมตีบรวมทั้งผลจากโรคภูมิแพ้
ปวดศีรษะ เกิดจากกล้ามเนื้อตึงตัวบริเวณท้ายทอยและต้นคอและลามไปบริเวณศีรษะ ถ้านวดก็จะช่วยให้อาการคลายลงได้
ไมเกรน จะมีอาการปวดตุ้บๆ หรือปวดจี๊ดที่ขมับข้างเดียว ทั้งสองข้างหรือตรงท้ายทอย เป็นความปวดอย่างรุนแรง อาจมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนด้วย
ปวดหลัง เกิดจากกล้ามเนื้อตึงตัวเป็นเวลานานและทำให้มีอาการอ่อนล้า
มะเร็ง ความเครียดทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายเราอ่อนแอลง ไม่สามารถกำจัดสารก่อมะเร็งที่อยู่ภายในร่างกาย เซลล์มะเร็งจึงเจริญเติบโตได้อย่างสบายๆ
วิธีป้องกันโรคเครียด
แม้ความเครียดจะเกิดได้ก็ดับได้คะ เพราะงั้นทุกอย่างมีทางแก้ และที่สำคัญสามารถป้องกันได้ด้วยคะ และเราก็ไม่ลืมที่จะหาวิธีป้องกันมาฝากกันคะ ลองทำดูนะคะ
1.มีสติ
รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าเวลานั้นรู้สึกอย่างไร รู้สึกว่าเครียดเมื่อไหร่ ก็คอยเตือนตัวเองว่าเครียดไปแล้วนะ เพลาๆ ลงเสียบ้าง ถ้าเครียดจัดต้องรีบพาตัวเองออกมาหามุมพักใจบ้าง
2 .ฝึกเผชิญหน้า
เผชิญหน้ากับปัญหาเล็กน้อยหรือปัญหาใหญ่บ้าง เพื่อให้จิตใจเข้มแข็งและพร้อมรับมือกับปัญหาง่ายขึ้น ความเครียดก็น้อยลงเพราะรู้สึกว่าจัดการได้
3.วางแผนการทำงาน
จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง ถ้างานล้นมือปรึกษาเจ้านายเพื่อขอคำแนะนำหรือขอคนช่วยแบ่งเบา เลิกกดดันตัวเองด้วยการตั้งเป้าผลสำเร็จของงานไว้สูงมาก ในขณะที่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาหรือข้อจำกัดเรื่องอื่นๆ ความคาดหวังควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงด้วยค่ะ
4.ยอมรับความเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาโลกค่ะ ฝึกตัวเองให้เป็นคนปรับตัวง่าย ช่วงเศรษฐกิจตก มักจะมีความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างเกิดขึ้น ตั้งแต่ลดจำนวนพนักงาน ปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการ การควบรวมกิจการ หรือบริษัทอื่นเข้ามาเทคโอเวอร์ ถ้าคาดการณ์ไว้บ้าง เตรียมตัวเตรียมใจก็จะโฟกัสที่การแก้ปัญหามากกว่านั่งเครียดนะคะ
5.เป็นนางเอกดีกว่านางร้าย
หมายความถึงให้ผูกมิตรกับทุกๆ คนในที่ทำงาน ให้ความร่วมมือและ มีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นๆ เมื่อถึงเวลามีปัญหาหรือมีงานล้นมือก็จะมีคนเต็มใจช่วยเหลืออยู่เสมอ
6.สื่อสารเชิงบวก
พูดกับทุกคนอย่างเป็นมิตร หัดชมคนอื่นอย่างจริงใจ พูดให้คนอื่นๆ เข้าใจบ้างว่า คิดเห็นอย่างไร ต้องการอะไร หรือไม่เข้าใจก็ซักถาม
7. อย่าจมจ่อมกับความท้อแท้
เมื่อทำงานผิดพลาดหรือผิดหวังจากตำแหน่งหรือความก้าวหน้า อย่ามัวจมอยู่กับความท้อแท้ ให้ถือว่าเป็นบทเรียนเพื่อแก้ไขปรับปรุงพัฒนาตัวเองดีกว่า มองโลกแบบมีความหวังโอกาสจะมีมาอยู่เสมอค่ะ
8.ฝึกมองโลกในแง่ดี
คิดและพูดถึงคนอื่นในแง่ดีบ่อยๆ พยายามเลิกจดจ่ออยู่กับข้อบกพร่องของคนอื่น และ พยายามลดความอิจฉาคนอื่นและหัดชื่นชมกับความสำเร็จของเขาบ้าง คุณจะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้น
9.หาเวลาผ่อนคลาย
ช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างวัน ควรพักสายตา ลุกเดินจากโต๊ะทำงานยืดเส้นยืดสายบ้าง พักเมื่อถึงช่วงเวลาพัก พูดคุยเล่นกับเพื่อนในที่ทำงาน หาเวลาพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ และอย่าลืมใช้วันพักร้อนประจำปี เพื่อชาร์จแบต กลับมาจะสดชื่นและพร้อมลุยงานต่ออย่างมีพลัง
10.สร้างบรรยากาศให้น่าทำงาน
จัดโต๊ะให้เป็นระเบียบ วางกระถางต้นไม้ แจกันดอกไม้ ภาพสวยๆ ของตกแต่งที่ชอบ เพื่อพักสายตามองหาสิ่งเพลินใจได้ง่ายๆ
11.พูดคุยระบายกับเพื่อนสนิท
หาเพื่อนคุยหรือหรือมีใครเป็นต้นแบบในการทำงานก็อาจขอคำแนะนำดีๆ จากเขาบ้าง ขบคิดอยู่คนเดียวบางทีก็ตื้อตันและหาทางออกไม่ได้เพราะมัวแต่เครียดอยู่
เป็นไงกันบ้างคะ การที่เราไม่เครียด ก็จะทำให้เราสุขภาพดีขึ้นด้วย เพราะงั้นอย่าเครียดนะคะ ใจเย็นๆไว้นะคะ ชาว widemagazine ต้องไม่เครียดคะ ไม่เครียด ไม่เครียด ไม่เครียด....ท่องไว้นะคะ
ที่มา https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=1441