เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV


1,004 ผู้ชม


"เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV"

     วันนี้มีคำถาม-คำตอบเกี่ยวกับเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก จากโรงพยาบาลพญาไท มาคลายข้อสงสัยให้คุณสาว ๆ กันค่ะ

         Q: ก่อนที่จะฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ดิฉันจำเป็นที่จะต้องตรวจหาเชื้อเอชพีวีก่อนหรือไม่คะ?
          A: สำหรับเด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9 ปีขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่  ถ้ายังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนจะมีโอกาสติดเชื้อไวรัส HPV น้อยมาก ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อก่อนการตัดสินใจฉีดวัคซีน 
          ส่วนในสตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ปัจจุบันวิธีการตรวจหาเชื้อเอชพีวีซึ่งเรียกว่า "HPV DNA" ตามโรงพยาบาลทั่วไปจะบอกได้เพียงแค่ว่า เราติดเชื้อเอชพีวีในสายพันธุ์อันตราย ที่อาจมีผลต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสายพันธุ์ใด อย่างไรก็ดี การตรวจเพื่อหาชนิดของสายพันธุ์เอชพีวีก็สามารถทำได้ เพียงแต่ค่อนข้างยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง (ในเมืองไทย ยังมีโรงพยาบาลที่ให้บริการด้านนี้ค่อนข้างจำกัด) การตัดสินใจว่า จะรับการตรวจ หรือรับการฉีดวัคซีน จึงขึ้นกับวิจารณญาณส่วนบุคคลหรืออาจจะปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำและข้อมูลเพิ่มเติม 
          สำหรับการฉีดวัคซีนสามารถครอบคลุมการป้องกันเชื้อเอชพีวี 4 สายพันธุ์ ซึ่งให้ประโยชน์ในด้านของการป้องกันเชื้อไวรัส ชนิดที่มีผลต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งในช่องคลอด และมะเร็งปากช่องคลอด รวมทั้งโรคหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ
         Q: หากดิฉันป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกแล้ว ดิฉันยังจะได้รับประโยชน์จากการฉีดวัคซีนหรือไม่คะ ?
          A: วัคซีนเอชพีวี เป็นวัคซีนที่พัฒนามาเพื่อการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเอชพีวี จึงไม่มีผลในการใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้แล้ว อย่างไรก็ดี การได้รับวัคซีนยังอาจได้ประโยชน์ในด้านของการป้องกันโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ คือ มะเร็งในช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด รวมทั้งโรคติดต่อที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเอชพีวี เช่น โรคหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ
        Q: วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนี้ ต้องฉีดกี่เข็มและจะป้องกันได้นานเท่าไร ? 
         A: คุณจะต้องได้รับวัคซีนทั้งหมด 3 เข็ม ภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยฉีดเข็มแรกแล้ว จึงฉีดเข็มถัดมาในเดือนที่ 2 จากนั้นจึงฉีดเข็มสุดท้ายในเดือนที่ 6 จากข้อมูลการศึกษาได้ยืนยันว่า ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนจะอยู่ได้อย่างน้อยประมาณ 5 ปี ทั้งนี้ ปัจจุบันการศึกษาระยะเวลาของการป้องกันยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อดูว่า ภูมิคุ้มกันอาจจะสามารถอยู่ได้ถึง 10 ปีหรือมากกว่านั้น
         Q: การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนี้จ ะทำให้เกิดอาการข้างเคียงอะไรได้บ้าง ? 
          A: อาการข้างเคียงที่พบนั้นน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นเพียงอาการเหมือนกับการได้รับวัคซีนอื่น ๆ เช่น บวมแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีดเท่านั้น
          Q: ดิฉันอายุเกิน 26 ปีแล้ว การได้รับวัคซีน จะยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันหรือไม่คะ?
          A: การตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล ในแง่ของความคุ้มค่าที่จะลดความเสี่ยงจากโรคด้วยการรับวัคซีน 
          จากข้อมูลรับรองการใช้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกชนิด 4 สายพันธุ์นี้โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา ยืนยันผลการใช้ในเด็กหญิงและผู้หญิงอายุ 9 – 26 ปี พบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์หลักคือ 16 และ 18 ได้ถึง 100% ในผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อดังกล่าวมาก่อน ซึ่งโดยทั่วไปสถิติของการติดเชื้อเอชพีวีนั้น จะมีลักษณะการติดทีละชนิด ไม่ได้ติดพร้อมกันทีเดียวทุกสายพันธุ์ รวมทั้งยังอาจได้ประโยชน์ต่อการป้องกันโรคติดต่อบางอย่างที่มากับเชื้อเอชพีวี อย่างเช่น โรคหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ 
          อย่างไรก็ดี ขณะนี้การวิจัยประสิทธิภาพของวัคซีนยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง และได้ขยายผลครอบคลุมมาสู่กลุ่มผู้หญิงในช่วงอายุ 27 – 45 ปีแล้ว
ที่มา    https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=624

อัพเดทล่าสุด