"ผอมก็เป็นเบาหวานได้"
เรียกว่าเบาหวานไม่เข้าใครออกใคร เพราะเบาหวาน เป็นภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนอินซูลินที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
ใครบอกว่าคนอ้วนเท่านั้น ถึงจะเป็นเบาหวาน !!
คนผอม หุ่นเพรียว ก็เป็นเบาหวานได้...
เรียกว่าเบาหวานไม่เข้าใครออกใคร เพราะเบาหวาน เป็นภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนอินซูลินที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้เต็มที่น้ำตาลที่มีอยู่จึงเข้าไปสู่กระแสเลือดในระดับสูงผิดปกติ ทำให้เกิดอาการผิดปกติตามมามากมาย
เพราะฉะนั้นถ้ามีเหตุอะไรก็ตามที่ทำให้อินซูลินอยู่ในภาวะไม่สมดุล เช่น ตับอ่อนซึ่งผลิตอินซูลินทำงานไม่ดี ก็จะทำให้เราเป็นเบาหวานได้โดยไม่จำเป็นต้องอ้วน
คือ ถ้าเราไม่ได้อ้วน แต่มีพ่อแม่หรือญาติโกโหติกาเป็นเบาหวาน หรือใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ ยาคุมกำเนิด เป็นประจำ ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีการสร้างน้ำตาลมากขึ้น หรือตอบสนองต่ออินซูลินไม่ดี หรือเราอายุมากขึ้น ตับอ่อนทำงานไม่ดี ทำให้มีการสังเคราะห์อินซูลินได้น้อยลง หรือไปติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น หัด หัดเยอรมัน คางทูม ที่มีผลต่อตับอ่อน รวมถึงตั้งครรภ์บ่อย ซึ่งร่างกายในช่วงนั้นมีการสร้างฮอร์โมนจากรกหลายชนิด มีผลยับยั้งการทำงานของอินซูลิน ...
เหล่านี้ละค่ะที่ทำให้คนไม่อ้วน มีโอกาสเป็นเบาหวานได้เหมือนกัน
หรือบางทีคนที่เป็นเบาหวานก็ผอมลงได้ด้วยค่ะ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลมาเผาผลาญเป็นพลังงาน จึงหันมาเผาผลาญกล้ามเนื้อและไขมันแทน ทำให้คนเป็นเบาหวานผอมลง ไม่มีไขมัน กล้ามเนื้อฝ่อลีบ อ่อนเปลี้ย เพลียแรง
อาการอื่นก็มี รู้สึกกระหายน้ำบ่อย ดื่มน้ำมากกว่าปกติ เพราะเมื่อเกิดการคั่งของน้ำตาลในเลือดและอวัยวะต่างๆ ไตก็จะกรองน้ำตาลออกมาทางปัสสาวะ เราจะปัสสาวะบ่อย และมาก เนื่องจากน้ำตาลที่ออกมาทางไตดึงเอาน้ำออกมาด้วย ทำให้คนเป็นเบาหวานรู้สึกหิวน้ำบ่อย
อาการข้างเคียงเพียบ !
ถ้าปล่อยให้ร่างกายเผชิญกับเบาหวานนานๆ มันจะพานมีผลให้ระบบอื่นๆ ในร่างกายพลอยเสื่อมไปด้วย
อย่างแรกคือไต เพราะไตจะทำงานหนักในการขับน้ำตาลออกจากร่างกาย จะมีอาการบวม ซีด
หลอดเลือดแดงตีบตัน เพราะน้ำตาลไปจับตัวที่ผนังหลอดเลือด ทำให้มีอาการชาที่ขา ปวดกล้ามเนื้อขา มีแผลเรื้อรังที่เท้า ปวดปลายนิ้วเท้าในตอนกลางคืน เป็นโรคหัวใจ ความดันผิดปกติ เกิดอาการวิงเวียน
ตาบอด เพราะปลายประสาทตาอักเสบ
ติดเชื้อง่าย ทำให้เป็นกรวยไตอักเสบ เป็นแผลเรื้อรัง
... การรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติในวันนี้ จะช่วยลดอาการแทรกซ้อนใน 5-10 ข้างหน้า
การตรวจวัดระดับน้ำตาลในร่างกาย
การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ จะทำให้เรารู้สภาพร่างกายของเราเอง และดูแลควบคุมไม่ให้ระดับน้ำตาลสูงหรือต่ำเกินไป เป็นขั้นแรกของการรักษาเบาหวานค่ะ
ถ้าตรวจวัดแล้ว มีระดับน้ำตาลในเลือด 140-200 มก.ต่อเลือด 100 มล.ถือว่าเป็นไม่มากค่ะ (ในคนปกติ จะมีค่า 60-120 มก.ต่อเลือด 100 มก.) อาจไม่มีอาการผิดปกติให้เห็น
ในรายที่มีระดับน้ำตาลสูงกว่านั้นจะมีอาการให้เห็น เช่นสังเกตได้ว่า ปัสสาวะบ่อยและออกมาครั้งละมากๆ กระหายน้ำบ่อยๆ ดื่มน้ำมาก กินข้าวจุ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง ฉี่มีมดขึ้น (ไม่เชื่อชิมดู...ฉี่จะหวาน เพราะน้ำตาลออกมาทางปัสสาวะ )
ดังนั้น การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดถ้าพบว่ามีตัวเลขมีค่าสูงเท่าใด ก็แสดงว่าอาการของโรครุนแรงเท่านั้น
ต้องดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
เบาหวาน เป็นโรคเรื้อรัง ต้องรักษาติดต่อกันเป็นเวลานานหรือเรื่อยไป ผู้ป่วยบางคนเข้าใจว่าหมอที่ตัวรักษาอยู่ไม่เก่ง ไม่หายขาดสักที จึงเปลี่ยนหมอไปเรื่อยๆ ทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่อง หรือบางคนอาจจะหันไปพึ่งยาหม้อ สมุนไพรแทน ซึ่งอาจจะมีสเตียรอยด์
ทางที่ดีไม่ควรเปลี่ยนหมอที่ดูแลรักษา ตรวจวัดระดับน้ำตาลเป็นประจำ แล้วก็ ต้องดูแลตัวเองในวิถีชีวิตประจำวันอย่างดีด้วย ขอแนะนำว่า...
- กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่เช่นนั้นอาจมีอาการใจสั่น วิงเวียน เพราะร่างกายขาดน้ำตาล
- ห้ามกินของหวานมาก ทั้งขนมและผลไม้ที่มีรสหวานจัด ใช้น้ำตาลเทียมแทน
- งดเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง น้ำอัดลม เพราะมีน้ำตาลมาก
- งดบุหรี่ เพราะจะทำให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็งเร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม และอาหารสำเร็จรูป เช่น ไส้กรอก กุนเชียง เพราะจะทำให้ไตทำงานหนักขึ้น
- อย่ากินข้าวหรืออาหารประเภทแป้งมาก กินผักใบเขียวมากๆ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่อย่าหักโหม
- พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด วิตกกังวล
- ตรวจวัดระดับน้ำตาลเดือนละครั้ง
... ถึงไม่หายขาด แต่ก็ทำให้อยู่ดีมีสุข ไม่ลุกลามไปโรคอื่นๆ ได้ค่ะ
กินอะไรได้แค่ไหน
อาหารประเภท | กินได้วันละ | 1 ส่วนเท่ากับ |
นม | 2-4 ส่วน | 240 ซีซี. หรือนมผง 1/4 ถ้วยตวง |
เนื้อสัตว์ | 2-3 ส่วน | 30 กรัม หรือไข่ 50 กรัม |
ข้าวและแป้ง | 6-11 ส่วน | ข้าว 1/2 ถ้วยตวงหรือ 1 ทัพพี |
ขนมปัง 1 แผ่น | ||
ขนมจีน 2 จับ | ||
ก๋วยเตี๋ยว 1/2 ถ้วยตวง | ||
มะกะโรนีสุก 90 กรัม | ||
วุ้นเส้นแช่น้ำ 1/2 ถ้วยตวง | ||
มันเทศ 85 กรัม | ||
ผัก | 3-5 ส่วน | 100 กรัม |
ผักใบเขียวกินได้ไม่จำกัด | ||
ผลไม้ | 2-4 ส่วน | กล้วย 1 ผล ส้ม 1 ผล มะละกอ 6 ชิ้น |
สับปะรด 6 ชิ้นคำ แตงโม 10 ชิ้น (ขึ้นอยู่กับความหวาน) |
ที่มา https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=454