"สบายๆ ไม่ต้องเครียด"
น้ำท่วม เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น การเมืองก็ยังนัวเนียกันอยู่ สภาวะทางสังคมก็เป็นแบบตัวใครตัวมันมากเข้าทุกที สถานการณ์แบบนี้แหละครับที่ทำให้คนเครียดดีนัก
แต่ความเครียดก็มีทั้งคุณและโทษ อย่ามองแต่ว่ามันเป็นผู้ร้ายเพียงอย่างเดียว
ความเครียดที่พอดีๆ จะเป็นแรงขับให้เราก้าวไปสู่การแก้ปัญหา ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ แต่ถ้ามันมากเกิน มันก็สามารถที่จะเผาผลาญเราได้ทั้งกายและใจเลยทีเดียว
จริงๆ แล้ว ร่างกายของเราถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ใช้ความเครียดเป็นตัวกระตุ้นการทำงานครับ
เมื่อเราเข้าไปอยู่ในสถานการณ์บางอย่าง เช่น สถานการณ์ทางสังคม เศรษฐกิจอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เมื่อเรารับรู้ด้วยประสาทสัมผัส ด้วยชุดประสบการณ์ที่มีอยู่ในความทรงจำของเรา สมองของเราก็จะตีความสถานการณ์ที่ว่านี้ หากมันตีความว่านี่คือความกดดัน สิ่งที่ตามมาก็คือมันจะสั่งให้ร่างกายของเราเกิดการเตรียมพร้อม ด้วยการหลั่งสารและฮอร์โมนบางอย่างออกมา สารเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายพร้อมที่จะเผชิญปัญหา นี่คือธรรมชาติของร่างกายของเราครับ
แต่ทุกอย่างก็มีจุดพอดีของมันครับ หากสถานการณ์ที่เป็นอยู่มันเรื้อรัง หรือรุนแรงเกินไป การทำงานของสมองและระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะทำงานตลอด ตรงนี้และที่มันจะเป็นผลเสีย เพราะสารที่หลั่งออกมา โดยเฉพาะสารที่ชื่อว่า “คอร์ติโซล” ถ้าหลั่งออกมามากๆ นานๆ มันก็จะเป็นภัยต่อร่างกายของเราได้ โรคเครียด โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือแม้แต่โรคมะเร็ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสารตัวนี้
แต่ถ้าสมองของเราตีความว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเรื่องเล็ก ไม่มีปัญหาอะไร สมองก็จะไม่สั่งการ ระบบต่างๆ ของร่างกายก็จะไม่เกิดการเตรียมความพร้อม แล้วร่างกายจะเอาพลังที่ไหนไปสู้กับปัญหา เราก็จะเรื่อยเปื่อย ไม่กระตือรือล้น แน่นอนชีวิตแบบนี้ย่อมหาความสำเร็จในชีวิตได้ยาก
นี่คือคุณและโทษของความเครียดครับ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญ และมีผลต่อการเกิดหรือไม่เกิดความเครียด นั่นคือมุมมองของเราต่อสถานการณ์ ถ้าเรามองว่าเรื่องนั้นๆ มันกดดัน เราก็เครียด แต่ถ้ามองว่ามันไม่กดดัน เราจะเฉยๆ ไม่รู้สึกเครียด
ทำอย่างไรเราจึงจะหาจุดพอดีให้เจอ จุดที่เราสบาย แต่ก็ได้งานเป็นน้ำเป็นเนื้อ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตของคนเราจะไม่เจอกับความเครียดเลย เว้นเสียแต่ว่าคุณจะเป็นคนประเภทเรื่อยเปื่อย ไร้สาระ ไร้แก่นสารเท่านั้นเอง
Tip ช่วยลดเครียด
ฝึกมองปัญหาในแง่มุมใหม่ บอกตัวเองว่าปัญหามีไว้แก้นะ ไม่ใช่มีไว้เพื่อให้กลัวหรือกังวล มันคือบทพิสูจน์ความสามารถของเรา ถ้าเราข้ามไปได้ ก็แปลว่าเราเก่ง อย่ามองว่ามันคือความโชคร้ายที่เราจะต้องมาเจอ
พิจารณาอารมณ์ของตัวเอง ต้องรู้ว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไร และทำไมเราจึงรู้สึกอย่างนั้น เรากำลังโกรธหรือเปล่า เรากำลังน้อยใจหรือเปล่า ทำไมเราถึงโกรธ ทำไมเราถึงน้อยใจ นี่คือสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจให้ได้ เพราะมันจะทำให้เราแก้ปัญหาความเครียดได้ง่ายมาก
ผมเคยมีคนไข้รายหนึ่ง มาปรึกษาด้วยปัญหาว่าเครียด เพราะลูกสาวอายุ ๓ ขวบ ซนเหลือเกิน ก้าวร้าว พูดจาหยาบคาย ชอบตีแม่เวลาถูกขัดใจ พอมาที่คลินิกผมก็ไม่เห็นพฤติกรรมอย่างที่คุณแม่บรรยายไว้เลย เขาเป็นเด็กซนและอยากรู้ธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่การพูดคำหยาบมีบ้างตามแฟชั่น เพราะเริ่มไปโรงเรียนแล้วเลยได้มาจากโรงเรียน
ผมจึงลองให้คุณแม่สำรวจอารมณ์ของตัวเองดู ก็เลยเจอว่าคุณแม่อายมากที่ลูกเป็นแบบนี้ เพราะคุณแม่คิดว่าเด็ก ๓ ขวบควรจะว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ ไม่พูดคำหยาบ ผมก็เลยต้องเล่าให้ฟังว่าสิ่งที่เจอในลูกของเขานั่นแหละคือธรรมชาติแท้ๆ ของเด็กวัยนี้ ความอาย ความโกรธ ทำให้คุณแม่รายนี้มองข้ามความจริงข้อนี้ไป พอเข้าใจเรื่องนี้ความเครียดของคุณแม่รายนี้ก็ค่อยๆ หายไป
บอกตัวเองว่าเราควบคุมปัญหาไม่ได้ แต่เราควบคุมตัวเราไม่ให้เต้นตามปัญหาได้ หลายคนเครียดเพราะพยายามไปแก้ปัญหาที่มันไม่สามารถแก้ได้ เหนื่อยเปล่าครับ แถมกดดันเราตลอดด้วย ลองเปลี่ยนมาเป็นควบคุมตัวเองไม่ให้ไปเต้นตามปัญหา คุณจะรู้สึกเบาขึ้น
ฝึกมองโลกในแง่ดี หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ แห่งเมืองโคราช ท่านได้ให้คำสอนที่น่าคิดมากครับ เวลาคนไปถามหลวงพ่อว่า จะทำอย่างไรกับคนที่ชอบปลอมพระของหลวงพ่อออกขาย โดยที่เงินไม่เข้าวัดเลย
หลวงพ่อตอบว่า “มันคงจนไม่มีกิน มันเลยทำพระของกูออกขาย ดี ทำบุญกับมันเถอะ มันจะได้มีกิน” ท่านไม่ได้มองว่าคนเหล่านี้ละเมิดท่านเลย แต่มองว่าท่านกำลังช่วยให้พวกเขามีกินมีใช้
มองหาเพื่อน เวลาเครียดคนที่เพื่อนมากจะรู้สึกผ่อนคลาย ตรงกันข้ามคนที่ไร้เพื่อนจะรู้สึกว้าเหว่
ทำให้ตัวเองมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ ผมเขียนรายละเอียดในเรื่องนี้ไว้ใน “รักลูก” แล้ว ในที่นี้จะบอกเพียงว่า อารมณ์ขันเป็นยารักษาโรคเครียด ที่ชะงัดมาก
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายสม่ำเสมอจะทำให้สาร “เอนดอร์ฟิน” ในสมองของเราหลั่งออกมา มันเป็นสารต้านความเครียดครับ
สุดท้ายก็คือ อย่ายอมแพ้ คนที่สู้เท่านั้นครับที่จะมีโอกาสชนะ ส่วนคนที่ยอมแพ้ยังไงก็แพ้วันยังค่ำ และชัยชนะในครั้งแรกๆ จะเป็นประสบการณ์ที่จะทำให้เราสามารถเผชิญความเครียดได้ดียิ่งๆ ขึ้นในครั้งต่อๆ ไป
ลองใช้สิ่งเหล่านี้กับตัวเอง หรือสอนลูก รวมทั้งแนะนำคนรอบข้างให้รู้จักใช้วิธีการเหล่านี้ แล้วชีวิตที่ “สบายๆ ไม่ต้องเครียด”จะเกิดขึ้นกับตัวเราครับ
ที่มา https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=182