"ปลาทอดสาหร่าย"
สาหร่ายจัดเป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางอาหารสูงมากๆอีกชนิดหนึ่งยิ่งถ้าได้จับคู่กับเนื้อปลาแล้วละก็รับรองว่าเป็นสุดยอดอาหารคุณหนูเลยคะ วันนี้เราก็เลยจัดเมนูเนื้อปลาทอดสาหร่ายสำหรับคุณหนูมาฝากกันคะ
สำหรับปลากระพงที่เราเลือกใช้กันในเมนูนี้จัดเป็นเนื้อปลาไขมันต่ำ มีประโยชน์ต่อการเจริญเติดโตของเด็กมากอีกชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ ในเนื้อปลากระพงขาว ยังอุดมไปด้วย กรดไอโคซาเพนตะอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) หรือ โอเมก้า3 มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน ช่วยลดระดับไขมันในเลือด อีกด้วย
ส่วนสาหร่ายนั้นคุณค่าทางอาหารนี่หลายคนคงไม่ต้องพูดถึงเลยละคะ เพราะว่าให้ทั้ง ไอโอดีน ธาตุเหล็ก ทองแดง สังกะสี ใยอาหาร ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อเจ้าตัวน้อยทั้งสิ้นเลยละคะ
เตรียมส่วนประกอบ
เนื้อปลากระพงขาวแล่เอาหนังออกขนาด 100 กรัม | 1 ชิ้น |
เกล็ดขนมปังปั่นพอละเอียด | 1 ถ้วย |
สาหร่ายทะเลอบปั่นละเอียด | 2 ช้อนโต๊ะ |
เกลือสมุทร | 1/8 ช้อนชา |
แป้งสาลีอเนกประสงค์ | 1/4 ถ้วย |
ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน | 1 ฟอง |
น้ำมันพืช | 2 ถ้วย |
กะหล่ำปลีสีม่วง ซอยและแครอทหั่นเส้นสำหรับตกแต่ง |
ส่วนผสมของซอสมะเขือเทศสด
มะเขือเทศลอกเปลือกหั่นชิ้นเล็ก | 200 กรัม |
น้ำตาลทราย | 2 ช้อนชา |
เกลือสมุทร | 1/4 ช้อนชา |
1. เริ่มด้วยการทำซอสมะเขือเทศสดก่อนก่อนเลยคะ โดยการปั่นมะเขือเทศสดที่เตรียมไว้จนละเอียด ใส่ลงในกระทะ ตั้งไฟอ่อนๆปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และคนให้ทั่ว พอเริ่มเดือดแล้วก็ตักใส่ถ้วยรอไว้เลยคะ
2. ล้างเนื้อปลากระพง แล้วซับน้ำให้แห้ง หั่นเป็นชิ้น 4 เหลี่ยมขนาดลูกเต๋าใส่จานเตรียมไว้คะ
3. ผสมเกร็ดขนมปัง สาหร่ายทะเล เกลือ เข้าด้วยกันในถุง ปิดปากถุงแล้วเขย่าให้เข้ากันเตรียมไว้
4. ใส่แป้งสาลีในถุง ใส่เนื้อปลาครั้งละ 5 ชิ้น แล้วเขย่าให้ทั่ว และทำไปเรื่อยจนเนื้อปลาหมดคะ
5. นำเนื้อปลาที่คลุกแป้งจนเข้ากันดีแล้วไปชุบในไข่อีกรอบ แล้วนำไปใส่ในถุงเกร็ดขนมปังในขั้นตอนที่ 3 เขย่าอีกรอบแล้วใส่จาน ปิด้วยพลาสติกแร็ป นำเข้าไปแช่เย็นเพื่อให้เกร็ดขนมปังปิดกับเนื้อปลาคะ
6. ทอดเนื้อปลาในไฟกลางที่ตั้งไว้จนเดือด พอเนื้อปลาสุกเหลืองก็ยกขึ้น บางบนกระดาษซับมันได้เลยคะ
7. จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยกระหล่ำปลีสีม่วง แครอท เสริร์ฟกับซอสมะเขือเทศสดได้เลยคะ
ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่หนูๆต้องชอบมากๆเลยคะ แต่ว่าคุณแม่สิคะ จะไหวหรือเปล่าเพราะเมนูนี้ก็มีหลายขั้นตอนเอาการอยู่ยังไงก็ลองหัดทำกันนะคะ เพื่อคุณลูกสุดที่รักคะ
ที่มา https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=1953