หน้าที่ 1 - การดูแลรักษาตนเองเมื่อเกิดอาการไอ
อาการไอ คือ ร่างกายกำลังพยายามทำให้ปอดและทางเดินหายใจโล่ง โดยอาจไอแบบแห้งๆ (ไม่มีเสมหะ) หรือไอมีเสมหะ การไออาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย บางครั้งอาจเกิดจากภาวะภูมิแพ้ หรือสิ่งระคายเคืองโดยเฉพาะบุหรี่ อาการไออาจเป็นผลจากการระคายเคืองโดยตรงต่อปอด หรือจากน้ำมูกที่ไหลลงในหลอดลมซึ่งเกิดจากการคั้งของมูกในทางเดินหายใจ ถ้าสาเหตุเกิดจากหัด การไออาจอยู่อีกเป็นเวลานานหลายสัปดาห์หลังจากอาการอื่นๆ หายหมดแล้วก็ได้
กำลังเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีอาการไอ
ผิวเยื่อบุทางเดินหายใจจะมีลักษณะคล้ายขนเรียกว่า Cilia ซึ่งทำหน้าที่โบกพัดไปมาคล้ายไม้กวาดขนาดจิ๋ว ที่กวาดเอามูก เชื้อโรค และฝุ่น ไม่ให้เข้าไปในปอดและหลอดลม สำหรับคนสูบบุหรี่จะมีการทำงานของ cilia เสียไป ซึ่งจะไม่สามารถโบกพัดได้เช่นเดิม ทั้งนี้การติดเชื้อ การมีปฏิกิริยาภูมิแพ้ และอากาศแห้งๆ ก็อาจมีผลต่อการทำงานของ cilia ได้ จึงทำให้เกิดการสะสมของสิ่งคัดหลั่งขึ้น แล้วร่างกายจะมีปฏิกิริยา ป้องกันตนเองเพื่อทำให้ทางเดินหายใจโล่ง โดยการไอออกมาอย่างแรง ซึ่งอาจมีความเร็วลมได้ถึง 160 กม. /ชม.
การประเมินอาการ
เป้าหมายของการประเมินอาการ ก็เพื่อให้ทราบสาเหตุของการไอว่าเกิดจากการติดเชื้อ หรือเป็นภาวะภูมิแพ้ หรือเกิดจากสิ่งระคายเคือง ลักษณะที่บ่งชัดว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียได้แก่ มีไข้หรือเสมหะข้นสีเข้ม ซึ่งชี้ว่าเราควรได้รับการรักษาจากแพทย์
มีไข้หรือไม่
สะบัดปรอทวัดไข้ให้ปรอทลงไปอยู่ต่ำสุด อมใต้ลิ้น 3 นาทีแล้วอ่านผล ถ้ามีไข้ตั้งแต่ 38.9 C ขึ้นไป ควรพบแพทย์ทันที
เสมหะสีอะไร
ถ้าเสมหะมีเลือดสีปนสีน้ำตาล หรือเขียว ควรพบแพทย์
การดูแลรักษาตนเองเพื่อบรรเทาอาการ
เนื่องจากการไอเป็นกลไกปกป้องตัวเองของร่างกายทำให้ทางเดินหายใจที่มีมูกคั่งอยู่โล่งขึ้น เป้าหมายของการดูแลรักษาตนเองเพื่อบรรเทาอาการก็คือทำให้รู้สึกอิ่มสบายขึ้น ในขณะที่ช่วยการขจัดมูกด้วย
ควรปรึกษาแพทย์เมื่อ
มีไข้ 38.9 C ขึ้นไป
เสมหะปนเลือดมีสีน้ำตาล หรือเขียว
มีอาการหอบหืด
หายใจลำบาก
เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง
ไอติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์