โรคพิษสุนัขบ้า


1,304 ผู้ชม


หน้าที่ 1 - โรคพิษสุนัขบ้า

 


         ทุกวันนี้โรคพิษสุนัขบ้ายังไม่ได้หมดไปจากประเทศไทย   สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักข้างกายที่อาจเป็นเพื่อนรักที่แสนซื่อสัตย์ของลูกน้อยหรือกลายเป็นสิ่งที่นำอันตรายมาสู่ลูกหลานของเรา   แต่เราไม่ควรมองข้ามเรื่องบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน   โดยเฉพาะเด้กน้อยลูกหลานของเรา ซึ่งมีความซุกซนตามวัยและรักสนุก อาจถูกกัดหรือสัมผัสโรคโดยไม่รู้ตัว   ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคพิษสุนัขบ้าและอาจถึงแก่ชีวิตอย่างรู้เท่าไม่ถึงการ

โรคพิษสุนัขบ้า คือโรคร้ายแรง?
          โรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ กเดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า เรบี่ส์(Rabies) ซึ่งทำให้เกิดโรคในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น คน สุนัข แมว ลิง ชะนี กระรอก ค้างคาว หรือสัตว์ป่าอื่นๆ ที่เด็กๆ นำมาเลี้ยงด้วยความรักตามแฟชั่น ท่านทราบหรือไม่ว่า สุนัขและแมว เป็นสัตว์แพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้าที่สำคัญที่สุดมาสู่มนุษย์

         คนที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้านั้น เชื้อไวรัสจะทำลายระบบประสาท ผู้ติดเชื้อจะปวดเมื่อยเพลีย เป็นไข้ปวดศรีษะ กลัวน้ำ กลัวลม กระสับกระส่าย มีอาการทางระบบประสาท เป็อัมพาต และเสียชีวิตในที่สุด   ในปัจจุบันนี้ยังไม่มียาชนิดใดที่จะรักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้ หากติดเชื้อแล้วไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีหรือปล่อยทิ้งไว้ จะเสียชีวิตทุกรายโรคพิษสุนัขบ้าจึงเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงมากชนิดหนึ่ง

คนติดโรคพิษสุนัขบ้าจากทางใด
         โดยปกติคนทุกวัยไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ มีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้   โดยเกิดจากการสัมผัสสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า และเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล รอยถลอกที่ถูกสัตว์กัด ข่วน หรือโดนน้ำลายจากสัตว์เลีย ทั้งบริเวณฝีปาก หรือเยื่อบุตา
ฉีดวัคซีน และฉีดเซรุ่ม เป็นอย่างไร

         ปัจจุบันคนที่ถูกสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัด จะได้รับการฉีดวัคซีนชนิดใหม่(ผลิตจากเซลล์เพาะเลี้ยง) เพียง 5 เข็ม ซึ่งปลอดภัยกว่าวัคซีนแบบก่อนที่ต้องฉีด 14 เข็ม รอบสะดือ   ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยเลิกใช้วิธีนี้ไปแล้ว   แต่ในกรณีที่ถูกสัตว์กัดอย่างรุนแรง มีบาดแผลบริเวณศรีษระหรือใบหน้าหรือแผลมีเลือดออก   ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าจำเป็นต้องฉีดเซรุ่มร่วมกับวัคซีนโดยฉีดรอบๆ แผลทุกแผล เพราะเซรุ่มเป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปแบบเร่งด่วนที่ไปทำลายเชื้อได้ก่อนที่จะก่อโรค ก่อนที่วัคซีนจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้เอง

จะปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้าได้อย่างไร

          - หลีกห่างจากสัตว์จรจัด หรือสัตว์ที่เป็นโรคนี้
          - ส่วนสัตว์เลี้ยงในบ้าน   ให้นำไปฉีดวัคซีนสัตว์ทุกๆ ปี ซึ่งปีแรกจะต้องฉีด 2 ครั้ง

          แม้วิธีข้างต้นจะเป็นการป้องกันโดยทั่วไป   แต่เด็กๆ มักชอบเล่นกับสัตว์เพราะเป็นวัยอยากรู้อยากเห็น   ซุกซนจนไม่ค่อยระวังภัยจึงเป็นวัยที่มีโอกาสถูกสัตว์กัดได้บ่อยสุด   ครั้นเมื่อถูกกัด ข่วน เลียมือที่มีบาดแผล บ่อยครั้งเด็กไม่ได้ใส่ใจหรือไม่ค่อยบอกให้ผู้ปกครองรู้ปัจจุบันวัคซีนมีความปลอดภัยสูง ประสิทธิภาพดี สามารถใช้ฉีดป้องกันโรคแบบล่วงหน้าก่อนถูกสัตว์กัด

รู้ได้อย่างไร ว่าสัตว์เป็นโรคพิษสุนัขบ้า
อาการของสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้า พอได้ 2 แบบ คือ

1. แบบดุร้าย
 สัตว์จะมีอาหการหงุดหงิด ตื่นเต้น วิ่งพล่าน ไล่กัดคนและสัตว์อื่นๆ อย่างดุร้าย ถ้าเป็นสุนัขก็จะดุร้ายได้ 2 -3 วัน หลังจากนั้นจะอ่อนเพลีย ขาหลังไม่มีแรง เดินโซเซ และตายในที่สุด
2. แบบเซื่องซึม สัตว์จะไม่กัดใคร ถ้าไม่ถูกรบกวน ปากอ้าหุบไม่ได้ลิ้นห้อย มักเอาขาตะกุยตามปาก แก้มจนบวม ตัวแข็ง เป็นอัมพาต บางตัวอาจชักและตายในที่สุด โดยมากจะสังเกตยากเพราะจะมีอาการเหมือนโรคอื่นๆ

ข้อควรปฏิบัติ เมื่อถูกสัตว์กัด ข่วน เลีย

1. ล้างแผลด้วยน้ำและน้ำสบู่หลายๆ ครั้ง โดยให้น้ำไหลผ่านมากๆ แล้วทายาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน หรือแอลกอฮอล์
2. จดจำสัตว์นั้นให้ได้ เพื่อสืบหาเจ้าของ และสอบถามประวัติความเสี่ยงต่อโรคพิษสุนัขบ้า

3. ไปพบแพทย์ทีนทีเพื่อรักษารดูแลที่ถูกต้อง ซึ่งแพทย์จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและเซรุ่มตามความเหมาะสม

 
ที่มา   https://vcharkarn.com/varticle/39131

อัพเดทล่าสุด