ปัญญาชนชาวบ้าน

ผู้สานแนวร่วมต้านภัย “เอดส์”

          ปัจจุบันแนวโน้มการติดเชื้อเอดส์ได้แพร่ขยายเข้าไปสู่ชนบทมากขึ้นและก่อปัญหาแก่ชุมชนท้องถิ่นอย่างรุนแรง เช่น ปัญหาลูกกำพร้าจากพ่อแม่ที่เสียชีวิตเพราะโรคร้ายนี้หรือปัญหาการดำรงชีวิตในสังคมของบรรดาผู้ติดเชื้อ

          ปัญหาเอดส์ในชนบทจึงสร้างปัญหาต่อเนื่องไม่รู้จบ ตั้งแต่ในระดับชุมชน และต่อเนื่องเป็นปัญหาระดับชาติ   ซึ่งหากปล่อยให้เอดส์ลุกลามโดยไม่มีการแก้ไข   ในอนาคตรัฐอาจต้องรับภาระจากปัญหาประชากรด้อยคุณภาพ และอาจต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นเอดส์จึงมิได้เป็นเพียงปัญหาด้านสาธารณสุขเท่านั้น   หากยังเป็นปัญหาสังคมที่ทุกคนต้องร่วมกันแก้ไข

          คชษิณ   สุวิชา ชายหนุ่มจากอำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม ตระหนักดีถึงปัญหาดังกล่าวจึงตัดสินใจเก็บในปริญญาระดับมหาบัณฑิตเข้าลิ้นชัก ทิ้งโอกาสและรายได้จากการทำงานในเมือหลวง   แล้วอาสาเข้าทำงานในมูลนิธิพัฒนาเครือข่ายเอดส์ โดยมีพื้นที่รับผิดชอบ คือ 19 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นอาณาเขตกว้างใหญ่ถึง 1 ใน 3 ของประเทศ

          จากประสบการณ์ในการทำงาน   ทำให้เข้าเห็นถึงภาพรวมของปัญหาเอดส์ในชนบททว่า   มีปัจจัยเกี่ยวข้องหลายส่วน เช่น การเปลี่ยนแปลงจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง ส่งผลให้ขาดความใกล้ชิดระหว่างบุคคลในครอบครัว   เยาวชนเข้าถึงสื่อยั่วยุง่ายทั้งที่ยังมีข้อจำกัดทั้งความรู้ ทัศนคติเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศ   โดยเฉพาะความคิดที่ว่า การพกถุงยางอนามัยคือสัญลักษณ์ของความสำส่อน

          คชษิณเชื่อว่าการแก้ปัญหาอย่างยังยืนได้นั้น   ต้องเริ่มจากการปลูกฝังให้ชาวบ้านเกิดความรู้ความเข้าในเกี่ยวกับเอดส์ก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงสร้างเครือข่ายในชุมชน   เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาและสกัดการแพร่ระบาดในระดับท้องถิ่น

          “ที่ผ่านมา   เราติดอยู่ในกรอบความคิดที่มองปัญหาเอดส์ในเชิงสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว   ทั้งที่จริงเอดส์ได้สร้างปัญหาที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก   ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม  การแก้ปัญหาเอดส์ต้องเริ่มแก้ไขที่กระบวนทัศน์หรือแนวความคิดของคนซึ่งต้องมองว่าเอดส์ไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง   แต่เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน และต้องเข้าใจว่า   เอดส์ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว   หากรู้จักการป้องกัน  ดังนั้นผู้ติดเชื้อและคนทั่วไปจึงสามารถอยู่ร่วมกันได้”

          การแก้ไขปัญหาเอดส์ในชนบทของคชษิณ   เป็นการทำงานที่เปี่ยมด้วยความรักและศรัทธาที่จะทดแทนคุณบ้านเกิด   โดยอุทิศตนเป็นฟันเฟืองเพื่อขับเคลื่อนท้องถิ่นให้ไปสู่แนวทางที่ดีงามความมุ่งมั่นทุ่มเทนี้จึงเปรียบเป็นอาวุธเพียงชิ้นเดียว   ที่ทำให้เขายืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางภารกิจอันหนักหน่วงนี้