เทคนิคการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกรัก


1,230 ผู้ชม


หน้าที่ 1 - เทคนิคการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกรัก

ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือนิตยสารสสวท. กับวิชาการดอทคอม
www.ipst.ac.th


             พาตัวจิ๋วหาโรงเรียนอนุบาลในฝัน  รู้จักสังคม ร่ำเรียน เขียน อ่านพร้อมกับแนะวิธีรับมือช่วงเปิดเทอม
             
ใกล้เปิดเทอมแล้ว  พ่อแม่หลายคนอาจจะยังคงวุ่นวายกับการหาโรงเรียนอนุบาลให้ลูก
                                            
             การที่เด็กๆ จะต้องออกจากบ้านไปเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลนั้นเปรียบเสมือนเป็นการเปิดโลกกว้าง ได้รู้จักผู้คนและประสบการณ์ใหม่ๆ และเสริมสร้างพัฒนาการที่สำคัญหลายด้านให้แก่เด็กตัวน้อยๆ เช่น พัฒนาการทางสังคม  ภาษา ศิลปะ ดนตรี  ให้เขาได้รับความสนุกสนานควบคู่ไปกับการเรียนรู้
             เกณฑ์การเลือกโรงเรียนอนุบาลในฝันนั้นคงไม่ตายตัว  เพราะจะต้องยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับความต้องการและสอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจของแต่ละครอบครัวด้วย 
 อาจารย์สิริกุล  กาญจนะโภคิน  หรือครูเป็ด   ครูใหญ่โรงเรียนอนุบาลเทพสนิท  เอกมัยซอย 4  เขตวัฒนา  กรุงเทพมหานคร  ซึ่งเป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาระดับปฐมวัยมากว่า 20 ปี  เล่าว่า  ลักษณะของโรงเรียนอนุบาลในฝันนั้น ที่สำคัญคือ จะต้องมีสภาพแวดล้อมเหมือนบ้าน  สะอาด  ปลอดภัย  และมีเครื่องเล่นที่เหมาะสมกับวัย  เพราะเมื่อเด็กเล็กๆ จะต้องจากบ้าน หรือห่างคุณพ่อ คุณแม่  เมื่อเข้าโรงเรียนแล้วก็ย่อมจะต้องการความรักความอบอุ่นจากคุณครูและบุคลากรต่างๆ  ที่คอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิด

             “ก่อนที่จะเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกนั้น คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองควรจะพิจารณาถึงแนวทางการเรียนการสอน รวมไปถึงการพัฒนาทักษะและพัฒนาการเด็ก  การดูแลของคุณครูและพี่เลี้ยง  รวมทั้งค่าใช้จ่าย ว่าสอดคล้องกับความต้องการหรือไม่  ควรเลือกโรงเรียนที่ลูกอยู่แล้วมีความสุข  และคุณครูเข้าใจถึงธรรมชาติของเด็กแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร  คุณครูและตัวเด็กเองจะได้ช่วยกันดึงความสามารถของเขาออกมาใช้และพัฒนาได้เต็มตามศักยภาพ”  ครูเป็ดกล่าว  
             สิ่งที่เด็กวัยอนุบาลควรจะได้จากโรงเรียนก็คือการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา  ความคิดสร้างสรรค์  จินตนาการ  การใช้เหตุผล การแก้ปัญหา  การเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี  และการทำงานเป็นกลุ่ม พัฒนาการทางจิตใจและอารมณ์ เป็นต้น
             ดังตัวอย่างหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลเทพสนิท  ซึ่งก่อตั้งโดยนายแพทย์ศรีสกุล  จารุจินดา  และแพทย์หญิงประจบ จารุจินดา หรือคุณตาหมอและคุณยายหมอของเด็กๆ  เป็นโรงเรียนที่มีบรรยากาศธรรมชาติแบบครอบครัว มีการแยกห้องต่างๆ เป็นสัดส่วน เช่น ห้องสมุด    ห้องเรียน  ห้องเกมการศึกษา ห้องนอน ห้องดนตรี มีสนามเด็กเล่นและเครื่องเล่นเพื่อสุขภาพ  ประกอบด้วย 4 ชั้นเรียน คือ   ชั้นเด็กน้อง (เตรียมอนุบาล)  และอนุบาล 1 ถึงอนุบาล 3  มีตัวอย่างหลักสูตรและกิจกรรม ดังนี้ 

             ชั้นเด็กน้อง  ออกกำลังกาย  พัฒนากล้ามเนื้อใหญ่  หัดรับประทานอาหารด้วยตนเอง  รู้จักส่วนประกอบอาหารง่ายๆ รู้จักของใช้ในชีวิตประจำวัน  รู้จักสีต่างๆ หัดใช้มือทำกิจกรรมศิลปะเพื่อฝึกฝนทักษะกล้ามเนื้อเล็ก และการประสานสัมพันธ์ของมือและตา  ตลอดจนการพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  ฝึกหัด รับฟัง เข้าใจและโต้ตอบด้วยคำพูดที่ถูกต้อง  ฝึกกิริยามารยาทที่เหมาะสมและรู้จักช่วยเหลือตนเอง  
             ชั้นอนุบาล 1  รู้จักภาษาและตัวหนังสือ  ตลอดจนตัวเลขเบื้องต้น  เรียนรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ เช่น รูปทรง  ขนาด  จำนวนนับ  รู้จักของใช้และความสัมพันธ์ของสิ่งของและรู้จักระวังรักษาของใช้  ฝึกการแสดงและดนตรี  รู้จักฟังเนื้อร้อง ทำนอง  ร้องเพลงได้  สร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์จากนิทานที่ได้ฟัง  ทดลองเพื่อค้นหาความจริงด้วยตนเอง เช่น การปลูกพืช  เรียนภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษา  
             ชั้นอนุบาล 2  ฝึกคิดคำนวณ  เพิ่มและลดอย่างง่าย  รู้จักจัดหมวดหมู่ ตามประเภท ประโยชน์ หรือลักษณะการใช้งาน  ความเหมือนและแตกต่าง  ฝึกหัดเขียนพยัญชนะไทยและตัวเลย  กระโดดขึ้นลง       กระโดดเชือก หรือข้ามสิ่งกีดขวางได้  รู้จักกิจกรรมเข้าจังหวะและเล่นเกมต่างๆ ตามกติกา  สามารถประดิษฐ์สิ่งของโดยใช้วัสดุต่างๆ รู้จักฤดูกาล ฝนตก  ฟ้าร้อง  ฟ้าผ่า และสอนให้รักธรรมชาติและการอนุรักษ์ทรัพยากร  
             ชั้นอนุบาล 3  ในชั้นนี้จะจัดกิจกรรมให้เด็กๆ เกิดความรักที่จะเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ สามารถอ่านออกเขียนได้ คำนวณเบื้องต้นได้  มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม  รู้จักช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่น
             “ธรรมชาติของคือมีความสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว ชอบสำรวจชอบทดลองอยู่เสมอ  การเล่นก็ถือเป็นการเรียนรู้ของเด็กอีกอย่างหนึ่งที่เด็กเป็นผู้ลงมือทำด้วยตัวเอง   กิจกรรมเรียนรู้ที่จัดควรเริ่มจากกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมก่อนนามธรรม จากสิ่งที่ง่ายไม่ซับซ้อนไปหาสิ่งที่ยากและซับซ้อนกว่า ซึ่งเด็กๆ จะมีโอกาสได้พัฒนาทักษะ และความสามารถจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในขณะเล่นหรือทำกิจกรรม” 
             ในวันเปิดเทอมวันแรก ไม่ควรอยู่โรงเรียนนานๆ หรือตลอดทั้งวันเพื่อดูแลลูก เราควรปล่อยเวลาให้ลูกอยู่กับคุณครูเพื่อลูกและคุณครูจะได้คุ้นเคยกัน และทำให้เด็กติดโรงเรียนเร็วขึ้น และไม่ควรพาลูกกลับบ้านในกรณีที่มาส่งลูกที่โรงเรียนแล้วลูกร้องไห้  ทำให้เด็กติดโรงเรียนยากขึ้น  และเมื่อถึงเวลา  โรงเรียนเลิกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรจะมาให้ตรงต่อเวลาหรือทันเวลา ไม่ควรปล่อยให้ลูกคอยนานๆ  เพราะเขาอาจจะเกิดความรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง และเกิดความรู้สึกไม่อยากมาโรงเรียนอีกในวันรุ่งขึ้น
                               
             สำหรับการเตรียมตัวรับมือกับเปิดเทอมสำหรับเด็กวัยอนุบาลนั้น ครูเป็ดแนะนำเพิ่มเติมว่า “วิธีการเตรียมรับมือเปิดเทอม  นอกจากการเตรียมค่าใช้จ่ายแล้ว  คุณพ่อคุณแม่ควรจะปลูกฝังให้เด็กรู้จักช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้นตามวัย เช่น  การรับประทานอาหาร  การถอดรองเท้า  การเทน้ำดื่มเอง เป็นต้น  พาเด็กมาทำความรู้จักคุ้นเคยกับสถานที่  กับคุณครู พี่เลี้ยง แม้แต่กับสนามเด็กเล่น เพื่อทำความคุ้นเคยและเป็นการอุ่นเครื่องก่อนเข้าเรียนจริงๆ”  
ในช่วงที่สมองของเด็กๆ กำลังเจริญเติบโต ควบคู่ไปกับการค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์ ความรู้   ทัศนคติการมองโลก  โรงเรียนอนุบาลมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมสิ่งต่างๆ เหล่านั้นให้ติดตัวและงอกงาม  เพื่อสร้างเด็กๆ ให้เป็นเยาวชนที่มีคุณภาพในอนาคต
             ทั้งนี้ หลังจากที่ส่งลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว  พ่อแม่ผู้ปกครองควรจะต้องช่วยเสริมความรู้และพัฒนาการของเด็กๆ อีกทางหนึ่ง  อาทิส่งเสริมให้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการเล่นดนตรี กีฬาและศิลปะ  ส่งเสริมให้รู้จักกล้าแสดงออกตามความเหมาะสม  รู้ปัญหาของเด็ก  ยอมรับและร่วมมือกับทางโรงเรียนในการแก้ไขพฤติกรรมให้ถูกทาง

ที่มา    https://vcharkarn.com/varticle/42050

อัพเดทล่าสุด