หน้าที่ 1 - เทคนิคการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกรัก
ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือนิตยสารสสวท. กับวิชาการดอทคอม
www.ipst.ac.th
พาตัวจิ๋วหาโรงเรียนอนุบาลในฝัน รู้จักสังคม ร่ำเรียน เขียน อ่านพร้อมกับแนะวิธีรับมือช่วงเปิดเทอม
ใกล้เปิดเทอมแล้ว พ่อแม่หลายคนอาจจะยังคงวุ่นวายกับการหาโรงเรียนอนุบาลให้ลูก
การที่เด็กๆ จะต้องออกจากบ้านไปเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลนั้นเปรียบเสมือนเป็นการเปิดโลกกว้าง ได้รู้จักผู้คนและประสบการณ์ใหม่ๆ และเสริมสร้างพัฒนาการที่สำคัญหลายด้านให้แก่เด็กตัวน้อยๆ เช่น พัฒนาการทางสังคม ภาษา ศิลปะ ดนตรี ให้เขาได้รับความสนุกสนานควบคู่ไปกับการเรียนรู้
เกณฑ์การเลือกโรงเรียนอนุบาลในฝันนั้นคงไม่ตายตัว เพราะจะต้องยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับความต้องการและสอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจของแต่ละครอบครัวด้วย อาจารย์สิริกุล กาญจนะโภคิน หรือครูเป็ด ครูใหญ่โรงเรียนอนุบาลเทพสนิท เอกมัยซอย 4 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาระดับปฐมวัยมากว่า 20 ปี เล่าว่า ลักษณะของโรงเรียนอนุบาลในฝันนั้น ที่สำคัญคือ จะต้องมีสภาพแวดล้อมเหมือนบ้าน สะอาด ปลอดภัย และมีเครื่องเล่นที่เหมาะสมกับวัย เพราะเมื่อเด็กเล็กๆ จะต้องจากบ้าน หรือห่างคุณพ่อ คุณแม่ เมื่อเข้าโรงเรียนแล้วก็ย่อมจะต้องการความรักความอบอุ่นจากคุณครูและบุคลากรต่างๆ ที่คอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิด
ก่อนที่จะเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกนั้น คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองควรจะพิจารณาถึงแนวทางการเรียนการสอน รวมไปถึงการพัฒนาทักษะและพัฒนาการเด็ก การดูแลของคุณครูและพี่เลี้ยง รวมทั้งค่าใช้จ่าย ว่าสอดคล้องกับความต้องการหรือไม่ ควรเลือกโรงเรียนที่ลูกอยู่แล้วมีความสุข และคุณครูเข้าใจถึงธรรมชาติของเด็กแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร คุณครูและตัวเด็กเองจะได้ช่วยกันดึงความสามารถของเขาออกมาใช้และพัฒนาได้เต็มตามศักยภาพ ครูเป็ดกล่าว
สิ่งที่เด็กวัยอนุบาลควรจะได้จากโรงเรียนก็คือการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ การใช้เหตุผล การแก้ปัญหา การเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี และการทำงานเป็นกลุ่ม พัฒนาการทางจิตใจและอารมณ์ เป็นต้น
ดังตัวอย่างหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลเทพสนิท ซึ่งก่อตั้งโดยนายแพทย์ศรีสกุล จารุจินดา และแพทย์หญิงประจบ จารุจินดา หรือคุณตาหมอและคุณยายหมอของเด็กๆ เป็นโรงเรียนที่มีบรรยากาศธรรมชาติแบบครอบครัว มีการแยกห้องต่างๆ เป็นสัดส่วน เช่น ห้องสมุด ห้องเรียน ห้องเกมการศึกษา ห้องนอน ห้องดนตรี มีสนามเด็กเล่นและเครื่องเล่นเพื่อสุขภาพ ประกอบด้วย 4 ชั้นเรียน คือ ชั้นเด็กน้อง (เตรียมอนุบาล) และอนุบาล 1 ถึงอนุบาล 3 มีตัวอย่างหลักสูตรและกิจกรรม ดังนี้
ชั้นเด็กน้อง ออกกำลังกาย พัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ หัดรับประทานอาหารด้วยตนเอง รู้จักส่วนประกอบอาหารง่ายๆ รู้จักของใช้ในชีวิตประจำวัน รู้จักสีต่างๆ หัดใช้มือทำกิจกรรมศิลปะเพื่อฝึกฝนทักษะกล้ามเนื้อเล็ก และการประสานสัมพันธ์ของมือและตา ตลอดจนการพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ฝึกหัด รับฟัง เข้าใจและโต้ตอบด้วยคำพูดที่ถูกต้อง ฝึกกิริยามารยาทที่เหมาะสมและรู้จักช่วยเหลือตนเอง
ชั้นอนุบาล 1 รู้จักภาษาและตัวหนังสือ ตลอดจนตัวเลขเบื้องต้น เรียนรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ เช่น รูปทรง ขนาด จำนวนนับ รู้จักของใช้และความสัมพันธ์ของสิ่งของและรู้จักระวังรักษาของใช้ ฝึกการแสดงและดนตรี รู้จักฟังเนื้อร้อง ทำนอง ร้องเพลงได้ สร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์จากนิทานที่ได้ฟัง ทดลองเพื่อค้นหาความจริงด้วยตนเอง เช่น การปลูกพืช เรียนภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษา
ชั้นอนุบาล 2 ฝึกคิดคำนวณ เพิ่มและลดอย่างง่าย รู้จักจัดหมวดหมู่ ตามประเภท ประโยชน์ หรือลักษณะการใช้งาน ความเหมือนและแตกต่าง ฝึกหัดเขียนพยัญชนะไทยและตัวเลย กระโดดขึ้นลง กระโดดเชือก หรือข้ามสิ่งกีดขวางได้ รู้จักกิจกรรมเข้าจังหวะและเล่นเกมต่างๆ ตามกติกา สามารถประดิษฐ์สิ่งของโดยใช้วัสดุต่างๆ รู้จักฤดูกาล ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และสอนให้รักธรรมชาติและการอนุรักษ์ทรัพยากร
ชั้นอนุบาล 3 ในชั้นนี้จะจัดกิจกรรมให้เด็กๆ เกิดความรักที่จะเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ สามารถอ่านออกเขียนได้ คำนวณเบื้องต้นได้ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม รู้จักช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่น
ธรรมชาติของคือมีความสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว ชอบสำรวจชอบทดลองอยู่เสมอ การเล่นก็ถือเป็นการเรียนรู้ของเด็กอีกอย่างหนึ่งที่เด็กเป็นผู้ลงมือทำด้วยตัวเอง กิจกรรมเรียนรู้ที่จัดควรเริ่มจากกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมก่อนนามธรรม จากสิ่งที่ง่ายไม่ซับซ้อนไปหาสิ่งที่ยากและซับซ้อนกว่า ซึ่งเด็กๆ จะมีโอกาสได้พัฒนาทักษะ และความสามารถจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในขณะเล่นหรือทำกิจกรรม
ในวันเปิดเทอมวันแรก ไม่ควรอยู่โรงเรียนนานๆ หรือตลอดทั้งวันเพื่อดูแลลูก เราควรปล่อยเวลาให้ลูกอยู่กับคุณครูเพื่อลูกและคุณครูจะได้คุ้นเคยกัน และทำให้เด็กติดโรงเรียนเร็วขึ้น และไม่ควรพาลูกกลับบ้านในกรณีที่มาส่งลูกที่โรงเรียนแล้วลูกร้องไห้ ทำให้เด็กติดโรงเรียนยากขึ้น และเมื่อถึงเวลา โรงเรียนเลิกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรจะมาให้ตรงต่อเวลาหรือทันเวลา ไม่ควรปล่อยให้ลูกคอยนานๆ เพราะเขาอาจจะเกิดความรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง และเกิดความรู้สึกไม่อยากมาโรงเรียนอีกในวันรุ่งขึ้น
สำหรับการเตรียมตัวรับมือกับเปิดเทอมสำหรับเด็กวัยอนุบาลนั้น ครูเป็ดแนะนำเพิ่มเติมว่า วิธีการเตรียมรับมือเปิดเทอม นอกจากการเตรียมค่าใช้จ่ายแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรจะปลูกฝังให้เด็กรู้จักช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้นตามวัย เช่น การรับประทานอาหาร การถอดรองเท้า การเทน้ำดื่มเอง เป็นต้น พาเด็กมาทำความรู้จักคุ้นเคยกับสถานที่ กับคุณครู พี่เลี้ยง แม้แต่กับสนามเด็กเล่น เพื่อทำความคุ้นเคยและเป็นการอุ่นเครื่องก่อนเข้าเรียนจริงๆ
ในช่วงที่สมองของเด็กๆ กำลังเจริญเติบโต ควบคู่ไปกับการค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์ ความรู้ ทัศนคติการมองโลก โรงเรียนอนุบาลมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมสิ่งต่างๆ เหล่านั้นให้ติดตัวและงอกงาม เพื่อสร้างเด็กๆ ให้เป็นเยาวชนที่มีคุณภาพในอนาคต
ทั้งนี้ หลังจากที่ส่งลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองควรจะต้องช่วยเสริมความรู้และพัฒนาการของเด็กๆ อีกทางหนึ่ง อาทิส่งเสริมให้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการเล่นดนตรี กีฬาและศิลปะ ส่งเสริมให้รู้จักกล้าแสดงออกตามความเหมาะสม รู้ปัญหาของเด็ก ยอมรับและร่วมมือกับทางโรงเรียนในการแก้ไขพฤติกรรมให้ถูกทาง
ที่มา https://vcharkarn.com/varticle/42050