แกงเขียวหวานกุ้ง อาหารวัยเรียนสู่อาเซียน


1,010 ผู้ชม


แกงเขียวหวาน

แกงเขียวหวาน อาหารไทยอีกอย่างที่อร่อยมาก เมื่อนึกถึงแกงเขียวหวานก็คิดถึงขนมจีนด้วยหรือเปล่าค่ะ ขนมจีนแกงเขียวหวาน แต่หลายๆคนคงหลีกเลี่ยงอาหารชื่อนี้บ้างแล้วเพราะมีกะทิ บ้างก็ว่าเพราะคุณหมอห้าม  นักโภชนาการห้าม เป็นโรคต้องห้ามกินกะทิ กลัวน้ำหนักขึ้น ฯ ดูแล้วกะทิน่ากลัวเป็นผู้ร้ายเลยก็ว่าได้ใช่ไหม คนโบราณสมัยก่อน กินกะทิก็ไม่เป็นโรคอะไรใช่ไหมค่ะ แต่คนปัจจุบันกินแล้วเป็นโรคหรือ น่าคิดเหมือนกันนะคะ ทำไมถึงไม่โทษเช่น ไขมันที่ติดเนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว  ลูกชิ้นที่มีแป้งบ้างที่อยู่ในแกงที่มีกะทิ จริงๆแล้วในแกงที่ใส่กะทิของไทยส่วนใหญ่แล้วจะมีสมุนไพรหลายอย่างมากทั้งที่อยู่ในพริกแกง และสมุนไพรที่ใส่ในแกงที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์ ช่วยย่อยช่วยปราบไขมันในกะทิได้แล้วนะคะ ภูมิปัญญาอาหารไทยที่บรรพบุรุษคิดค้นสูตรเเครื่องปรุงที่เป็นพริกแกงต่างๆนั้นเยี่ยมมากนะคะ ดังเช่นในแกงเขียวที่นำมาฝากค่ะ

แกงเขียวหวานกุ้ง

 

แกงเขียวหวานกุ้ง

เครื่องแกงต่อครั้งพอประมาณ

วิธีทำ

- พริกแกงเขียวหวาน

1. พริกขี้หนู   15 เม็ด  

2. พริกไทย   9 เม็ด   

3.กระเทียม  1  หัวใหญ่  

4. หัวหอมแดง  5 หัว   

5. ตะไคร้ซอย  2  ช้อนโต๊ะ 

6. รากผักชี  1  ช้อนโต๊ะ 

7. ข่า   1/2  ช้อนโต๊ะ  

8. ผิวมะกรูด  1 ช้อนชา  

9. ยี่หร่าคั่ว  1  ช้อนชา  

10. ลูกผักชีคั่ว  2  ช้อนชา 

11. เกลิอป่น  1  ช้อนชา 

12. กะปิ  1/2   ช้อนโต๊ะ 

ทั้งหมดตำรวมกันให้ละเอียด หรือตำหยาบพอประมาณแล้วใส่โถปั่นให้ละเอียดก็ได้ ประมาณดูก็ได้นะคะให้พอเหมาะกับเนื้อสัตว์และสมุนไพรที่จะแกงในแต่ละครั้ง หากตำได้มากก็เก็บแบ่งแกงวันอื่นๆ เป็นอาหารจานด่วนได้ เวลาจะแกงเขียวหวานโดยไม่ต้องตำบ่อย วิธีเก็บได้นานคือใส่ช่องแช่แข็งไว้ ( หรือเดี๋ยวนี้สะดวกสบายมีพริกแกงสำเร็จขายทั้งที่มียี่ห้อและขายเป็นขีด กิโล ในตลาดซื้อมากน้อยตามชอบก็นำมาแกงได้อร่อยค่ะ )

 คั้นกะทิ หรือ ซื้อกะทิที่คั้นแล้วมาจากตลาดหรือจะใช้กะทิกล่อง ก็ได้เช่นกัน กะทิเมื่ออยู่ในภาชนะทิ้งไว้สักพักหัวกะทิจะลอยขึ้นด้านบน หรือจะคั้นหัวกะทิไว้ในน้ำแรก และคั้นครั้งที่ 2 เป็นน้ำหางกะทิก็ได้แล้วแต่สะดวก

-  กุ้ง แกะเปลือก หัว ขาหางออก ผ่าหลังดึงเส้นดำออกให้หมดล้างน้ำให้สะอาด ( ใช้เนื้อสัตว์อื่นที่ชอบแทนกุ้งได้)

-  สมุนไพรที่จะใส่ในแกงเขียวหวาน 

1. มะเขือยาว ผ่าหั่นขิ้นพอคำแช่น้ำที่ใส่เกลือไว้  (มะะเขือเจ้าพระยา หรือมะเขืออื่นๆก็ได้นะคะ ตามชอบ)

2. มะเขือพวงเด็ดขั้วออกล้างน้ำให้สะอาด

3. ใบมะกรูด ดึงเส้นกลางออกฉีกเป็นชิ้นเล็กๆล้างน้ำให้สะอาด

4.โหระพาเด็ดเป็น ยอด ใบ ก้านอ่อน ล้างน้ำให้สะอาด

5. พริกเม็ดใหญ่เขียวแดง  หั่นขิ้นเล็กๆแช่น้ำ

- กระทะตั้งไฟ ตักหัวกะทิใส่พอประมาณใส่พริกแกงเขียวหวานเคี่ยวพริกแกงกับหัวกะทิให้หอมถ้าแห้งก็เติมหัวกะทิเรื่อยๆเป็นระยะๆ จนหอมฟุ้งได้ที่  ใส่กุ้งคนให้ทั่วพริกแกงแค่พอสุก ตักขึ้นใส่ถ้วยไว้ (ถ้าใช้เนื้อหมู ไก่ ฯไม่ต้องตักขึ้นแกงไปพร้อมสมุนไพรจนสุก) ใส่มะเขือพวง มะเขือเจ้าพระยา เพิ่มหัวหางกะทิให้พอเหมาะ ปรุงรสด้วยน้ำปลา  น้ำตาลปีบ ชิมรสว่าอร่อยถูกใจหรือยัง  พอมะเขือสุก ใส่กุ้ง พริกเขียวแดง  ใบมะกรูด โหระพา พอเดือดอีกครั้งปิดไฟ ( การใส่กุ้งหรือเนื้อปลากราย ลูกชิ้นปลา  ควรเพิ่ม กระชายหั่นฝอยด้วยจะหอมอร่อยมากขึ้น ) 

  

แกงเขียวหวานเห็ดสามอย่าง                                         ขนมจีนดอกอัญชัน

แกงเขียวหวาน ส่วนใหญ่แล้วเป็นแกงที่ทำกันไม่เผ็ดมากไ่ม่ว่าจะซื้อหรือทำเองที่บ้าน ผู้ใหญ่ถ้าต้องควบคุมระวังไขมันในเนื้อสัตว์หรือยังกลัวกะทิ แต่อยากกินแกงเขียวหวาน ก็ควรกินแต่พอประมาณต่อครั้ง เลือกแกงที่ใส่เนื้อปลา เช่นเนื้อปลากรายที่ไม่ได้ผสมแป้งนั้นแกงเขียวหวานได้อร่อยมาก  ส่วนแกงเขียวหวานเนื้อหมูไก่ ฯก็เหมาะกับวัยเรียน หรือผู้ที่ไม่ต้องควบคุมอาหารไขมัน  ก็กินได้เต็มที่ต่อมื้อ จะกินกับข้าวสวยหรือเส้นขนมจีน ก็อร่อยหมด 
ไม่ควรเลือกกินแต่เนื้อหมู ไก่ ฯ ตักสมุนไพรที่ใส่อยู่ในแกงทุกอย่างกินด้วยเพื่อร่างกายจะได้ประโยชน์นะคะ

แกงเขียวหวาน ทำเป็นอาหารเจแบบง่ายๆได้นะคะ ซื้อพริกแกงเขียวหวานเจหรือตำเองเพราะกะปิเจก็มีขาย ตำใส่สมุนไพรเหมือนกัน  เพียงแต่ไม่ใส่เนื้อสัตว์ ใช้โปรตีนเกษตร เต้าหู้แข็ง หรือเห็ด ก็อร่อยได้เช่นกัน 
ที่มา   https://www.gotoknow.org/posts/540735

อัพเดทล่าสุด