เลือกทานอย่างไร...ไกลจากโรคมะเร็ง


1,378 ผู้ชม


เลือกทานอย่างไร...ไกลจากโรคมะเร็ง

ข่าวคราวเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ นับวันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะโรคสุดฮิตที่คร่าชีวิตมนุษย์มากที่สุดอย่าง “มะเร็ง” ล่าสุดที่เป็นข่าวเกี่ยวกับดีเจชื่อดังของเมืองไทย โจ้-อัครพล ธนะวิทวิลาศ กับการเป็นโรคมะเร็งที่ตับ ตอนแรกก็ไม่แปลกใจเพราะสมัยนี้ใครๆ ก็เป็นโรคยอดฮิตแบบนี้กันง่ายๆ แต่สิ่งที่ต้องทำให้รีบพลิกศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งในหนังสือ “กินอย่างไรให้ไร้โรค” ทันที เมื่อได้ยินดีเจบอกว่า “ผมเป็นคนไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่”
หากคุณคิดว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่แตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคิดว่าร่างกายเป็นเยี่ยม มีพลานามัยสมบูรณ์ เริ่มต้นวันใหม่ด้วยกาแฟหอมกรุ่น ตามด้วยอเมริกันเบรกฟาสต์ หรือขนมปังแค่ 2 แผ่น แล้วก็ตะลุยงานทั้งวันและฝากท้องไว้กับอาหารกลางวันจานเดียว หรือให้เร็วหน่อยก็เค เอฟ ซี ข้างออฟฟิศ ตกเย็นก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง แม้คุณจะไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แต่ก็ขอมีเอี่ยวในงานปาร์ตี้ดูดซากควันบุหรี่จากเพื่อนเป็นของแถม
ส่วนเสาร์-อาทิตย์ เดินชอปปิ้งเพลินๆ ตกเที่ยงพักน่องด้วยสเต็กจานใหญ่ติดมันนิดๆ ปิดท้ายค่ำคืนด้วยหมูกระทะสุกจนแห้งกรอบ
ดูๆ ไปก็น่าจะเป็นชีวิตที่มีคุณภาพของคนปกติทั่วไป แต่มันก็เป็นรูปแบบชีวิตที่ผ่านมาของผู้ป่วยมะเร็งเช่นเดียวกัน
มะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับสามของคนไทย และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เชื่อลองดูผู้คนรอบข้าง หรือดูข่าว ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันว่าโรคร้ายนี้อยู่ไม่ไกลเราเลย แล้วจากการศึกษาพบว่า ที่สำคัญสาเหตุของโรคมาจากพฤติกรรมการกินอยู่ประจำวันของยุคบริโภคนิยมแบบเราๆ นี่เอง
โรคมะเร็งยอดนิยมของคนไทย คือ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ และมะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุจากการบริโภคอาหารบางประเภทมากเกินไป หรือการรับสารอาหารจำเป็นบางอย่างไม่เพียงพอ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวเลย
เมื่อรู้ตัวแบบนี้แล้ว เราจะหยุดยั้งเซลล์มะเร็งได้อย่างไร.....เป็นคำถามที่ต้องรู้คำตอบ เพราะเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นจากองค์ประกอบทางพันธุกรรมของเซลล์ปกติถูกทำลายและไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ ทั้งยังเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง โดยแพร่กระจายผ่านทางกระแสเลือดและท่อน้ำเหลืองไปยังบริเวณอื่นๆ ของร่างกายจนไปเกิดมะเร็งที่อวัยวะนั้น
ตัวการสำคัญที่ทำให้เซลล์ดีๆ ของเราผ่าเหล่ากลายเป็นเซลล์มะเร็งแสนร้ายกาจคือจำนวนเจ้าสิ่งที่เรียกว่า อนุมูลอิสระ (Free Radicals) ที่เกิดจากกระบวนการทางเคมีบางอย่างของร่างกายจากกลไกระบบภูมิคุ้มกัน การได้รับรังสี มลภาวะ และอาหารที่เรารับประทานอย่างผิดๆ รวมไปถึงความเครียด ซึ่งจะสะสมอยู่ในร่างกายของเรา รอเวลาที่เริ่มอ่อนแอ จึงสำแดงฤทธิ์เดช
การได้รับไขมันอิ่มตัวมากๆ จากไขมันสัตว์ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ตับจะถูกกระตุ้นให้สร้างน้ำดีมากขึ้น และแบคทีเรียในลำไส้ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อจัดการกับน้ำดีเหล่านี้ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้อาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งขึ้นมาได้ ฉะนั้นการกินเนื้อสัตว์ไม่ติดมันจึงเป็นวิธีหนึ่งที่อาจลดอัตราเสี่ยงจากมะเร็งได้
การงดกินเนื้อสัตว์สีแดงเลยก็จะเป็นการลดอัตราเสี่ยงจากมะเร็งได้ดียิ่งขึ้น เพราะนอกจากไขมันแล้ว อาหารเหล่านี้มักผ่านการปรุงที่ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งจำนวนมาก เช่น การปิ้งย่างจนไหม้เกรียม (ใครที่ชอบกินสเต็กแบบ Well Done ระวังให้ดี!!!) การแปรรูปเป็นไส้กรอก เบคอน ที่ต้องใส่เกลือโซเดียมสูงแล้ว ยังต้องใส่สารถนอมอาหารจำพวกไนไตรท์และไนเตรต ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับสารบางชนิดในอาหาร เกิดเป็นสารพิษที่ก่อมะเร็งกระเพาะอาหารได้
นอกจากนี้สารเคมีบางอย่าง เช่น สารกำจัดศัตรูพืช ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ยาปฏิชีวนะ และสารเจือปนที่ใช้ในการผลิตอาหาร เช่น สารที่ทำให้เนื้อนุ่ม สารปรุงรส สารกันบูด สีผสมอาหาร ก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าสารสังเคราะห์เหล่านี้มีความปลอดภัยต่อการเกิดมะเร็งแค่ไหน การป้องกันไว้ก่อนน่าจะปลอดภัยกว่า
เลือกจะป้องกันทั้งทีก็ต้องเลือกบำรุงร่างกายด้วย อาหารประเภทผักและผลไม้ที่บรรจุวิตามินไว้เพียบ ซึ่งวิตามินเหล่านี้มีฤทธิ์ในการทำลายเจ้าอนุมูลอิสระ และยังเป็นแหล่งเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำที่มีความสำคัญในกระบวนการย่อยและกำจัดของเสีย คือช่วยขนถ่ายสารพิษและสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย
ส่วนอาหารประเภทข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท เมล็ดธัญพืช มีเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำที่สามารถช่วยป้องกันการสะสมของกากอาหารในลำไส้ใหญ่ ลดโอกาสและเวลาที่ผนังลำไส้ใหญ่จะสัมผัสสารก่อมะเร็งที่มากับอาหารและที่เกิดจากการทำงานของแบคทีเรียในลำไส้กับกรดน้ำดี ในขณะที่ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์เช่นเต้าหู้ นอกจากเป็นแหล่งโปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์แล้ว ยังมีสารเคมีที่เรียกว่าไฟโตเอสโตรเจนที่ป้องกันมะเร็งได้อีกด้วย
นอกจากเลือกรับประทานอาหาร และปฏิวัติรูปแบบชีวิตสไตล์นักบริโภคนิยมแล้ว สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ชีวิตปลอดโรคคือการไม่เครียดนั่นเอง...
เพื่อสุขภาพที่ดีแบบไม่มีโรค เริ่มต้นดูแลสุขภาพตัวเองและเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์(อย่างจริงจัง) ตั้งแต่วันนี้เลย...ดีไหม!?!
ที่มา   https://www.gotoknow.org/posts/252152

อัพเดทล่าสุด