น้ำผักปั่นเพื่อสุขภาพดี รักษาโรค สูตรบ้านสุขภาพโดย ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์


3,375 ผู้ชม


น้ำผักปั่นเพื่อสุขภาพสูตรนี้เป็นที่แพร่หลายมากๆ  และยอมรับกันอย่างมากมาย เพราะทราบดีว่า ดื่มแล้วสุขภาพดีจริงๆ ขอเพียงขยันทำเท่านั้น ดื่มให้ได้ทุกวัน  บางคนทำตามสูตรดื่มมากแล้วมีปัญหาเรื่องความหวานจากน้ำผึ้งมากไป ไม่ดีต่อผู้เป็นเบาหวาน จริงๆแล้ว เราไม่ต้องใส่น้ำผึ้งก็ได้ หรือไม่ได้แช่เย็นดื่มไม่อร่อย  ซึ่งการดื่มน้ำผักปั่นนี้ ปั่นเสร็จแล้วควรดื่มทันที เพื่อให้ได้ สารอาหารสดๆวิตามินยังไม่หายไปไหน ถ้าชอบเย็น ก็นำน้ำจากตู้เย็นมาปั่นก็ได้อีกเช่นกัน   ลองทำดื่มนะคะ ดื่มได้ทุกวัย เด็กๆ ก็เติมน้ำผึ้งได้ตามสูตร น้ำผึ้งต้องเป็นน้ำผึ้งแท้นะคะ ถึงจะปลอดภัยต่อสุขภาพ   เคยเขียนบันทึกน้ำผักปั่นพลังเอนไซม์ สูตรเดียวกันแต่เปลี่ยนน้ำ เป็นน้ำเอนไซม์เท่านั้นค่ะ

 

  ผักผลไม้ที่จะใช้ปั่น

 

        

น้ำผักปั่นบ้านสุขภาพ

    เป็นน้ำผลไม้สดจึงช่วยล้างสิ่งปฏิกูลในร่างกาย ตลอดจนสารพิษต่างๆอย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัด ก็คือการลดอาการปวดต่างๆ จากอาการ ท้องเสีย หรือมีของเสียค้างอยู่ในระบบเลือดมาก มากจนปวดตามกล้ามเนื้อ ซึ่งเมื่อดื่มไปสักระยะเวลาหนึ่ง อาการต่างๆ ที่เป็นอยู่จะค่อยๆลดลงตามลำดับ

 

     การดื่มน้ำผักเป็นการเติมสารอาหารประเภทวิตามิน เกลือแร่ จำเป็นและที่สำคัญ คือ คลอโรฟิลด์ เมื่อดื่มเข้าไปแล้วส่วนที่ต้องถูกดุดซึม ก็จะไป “ฟื้นฟูตับ” มันจะไปก่อน พอ “น้ำตับหลั่ง” น้ำตับอ่อนก็หลั่ง การย่อยคาร์โปรไฮเดรด ไขมัน เกลือแร่ และวิตามินก็จะทำได้มากขึ้น ใจขณะที่ตัวมันไม่ย่อย ไขมันส่วนที่ เก่าส่วนหนึ่งแล้วเปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงาน ดังนั้นร่างกายก็ได้พลังงานมาสนับสนุนให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้มากกว่าเดิม

 

       ซึ่งอาการที่ดีขึ้น นั่นคือ ขบวนการที่ร่างกายชะล้างของเสียออกได้มากขึ้น ซึ่งอาการดังกล่าวไม่ควรเก็บกดได้ด้วยการใช้ยาระงับอาการปวด ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการไปหยุดความสามารถในการชะล้างของเสียในร่างกาย และทำให้เกิดการสะสมของสารพิษมากขึ้น  ในทุกระบบของร่างกายและกระจายจนก่อเป็นเซลล์มะเร็ง 

 

   ในน้ำผักปั่นเป็นกรดอ่อนๆที่มี คลอโรฟิลล์(สารสีเขียวในพืช)มีวิตามินเอ วิตามินซี ธาตุเหล็ก โปรตัสเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส เป็นส่วนประกอบหลัก

 

 

อัตราส่วนของผักที่จะใส่น้ำผักปั่น

 

ผักสลัดไม่มีใช้ ผักกาดแก้ว มะเขือเทศลูกเล็ก

หอมใหญ่หัวเล็ก ก็เพิ่มได้พอควร

 

ผักกาดหอม     2  ใบ

คึ่นฉ่าย           2  ก้าน

มะเขือเทศ      1  ลูก

หอมหัวใหญ่   ¼  ลูก

น้ำผึ้ง             2  ช้อนโต๊ะ

เสาวรสหรือมะนาว   1 ลูก

แอปเปิ้ล                 ½  ลูก  

น้ำสะอาด               2  แก้ว

วิธีทำ

 

1. นำส่วนประกอบที่กล่าวในข้างต้นใส่ลงในโถปั่น

 

2. ปั่นน้ำผัก เป็นเวลาประมาณ 20 วินาที

 

3. เทน้ำผักที่ปั่นแล้วลงในแก้ว(จะได้น้ำผักปั่น 2 แก้ว)

ถ้าเป็นแอปเปิ้ลแดง หรือมะเขือเทศแดงมาก

น้ำก็จะสีเข้มกว่านี้นะคะ

 

ส่วนประกอบของน้ำผักปั่นและประโยชน์

  

      น้ำผักปั่นมีสารอาการแร่ธาตุที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย ช่วยการทำงาน 5 ระบบคือ ระบบดูดซึม ระบบทางเดินหายใจ ระบบหมุนเวียนโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบต่อมไร้ท่อ

 

ผักกาดหอม  ช่วยฟิ้นฟูเซลล์ระบบประสาทและเซลล์ในปอด ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อกระดูกเส้นเอ็น ช่วยบำบัดโรคโลหิตจาง

 

คึ่นฉ่าย   ช่วยฟื้นฟูระบบประสาทและฟื้นฟูการสร้างเซลล์ เม็ดเลือด ช่วยชะล้างของเสียในระบบเลือด ช่วยให้ร่างกายมีความสามารถใช้แคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการเจ็บปวดของระบบข้อเสื่อมต่างๆ 

 

มะเขือเทศ  ช่วยทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ช่วยทำให้ผิวพรรณดี เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายมีสารช่วยย่อยอาหารทำให้เยื่อบุ กระเพาะ ลำไส้ทำงานเป็นปกติ หอมหัวใหญ่ ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง

 

มะนาว    ช่วยฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน

 

น้ำผึ้ง     ให้พลังงานสำรองม้าม

 

พืชผักที่สามารถทดแทนหรือเพิ่มเติม

 

กล้วยน้ำว้าสุก :  เป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูง เมื่อต้องการเพิ่มความหวานให้กับน้ำผักปั่น สามารถใช้กล้วยน้ำว้าแทนน้ำผึ้งได้

แอปเปิ้ลแดง :  ให้วิตามิน เอ ซี แคลเซียม และฟอสฟอรัส 

ผักกาดขาว :  หากผักกาดหอมหมด ผักกาดขาวเป็นทางหนึ่งซึ่งจะให้แคลเซียมและไฟเบอร์ ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น

สะระแหน่ :  ช่วยขับลมในลำไส้ และบำรุงปลายประสาท

โหระพา :   ช่วยขับลมในลำไส้ บำรุงปลายประสาท ลดความเป็นกรด ในกระแสโลหิต ลดอาการไข้  แก้ปวดหัว 

 ผลไม้ที่ให้รสเปรี้ยว     ตะลิงปิง มะดัน มะนาว ส้ม ส้มโอ เสาวรส 

ผักที่ใช้แทนผักกาดหอมได้     ใบชะมวง ใบมะยม  ใบโหระพา

ขอบคุณข้อมูล จากหนังสือน้ำผักปั่น และนมธัญพืช  

                         โดย ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์

 

              นมธัญพืช คลิกชมได้ที่.............

https://gotoknow.org/blog/kanda02/441642

 
ที่มา   https://www.gotoknow.org/posts/441361

อัพเดทล่าสุด