ผิวที่สัมผัสกับอากาศเย็น ทั้งจากลมหนาวหรือจากเครื่องปรับอากาศ มักจะเกิดปัญหาผิวที่แห้งแตกไม่ชุ่มชื่น นอกจากการบำรุงผิวทุกวันด้วยโลชั่นซึ่งเป็นการดูแลจากภายนอก การสร้างความชุ่มชื่นสดใสให้ผิวพรรณจากภายในก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง วิธีที่ดีที่สุดคือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณนั่นเอง |
ทำไมการรับประทานอาหารบางอย่างจึงช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่นสดใสดีขึ้น? นั่นก็เพราะสารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อผิวสามารถส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของเซลล์ในผิวชั้นหนังแท้ที่มีเส้นเลือดลำเลียงสารอาหารมาหล่อเลี้ยง ซึ่งลำพังการบำรุงผิวจากภายนอกก็ไม่สามารถแทรกซึมผ่านชั้นหนังกำพร้าลงมาถึงชั้นหนังแท้ภายในได้
| - รับประทานปลาที่มีไขมันสูงอย่างแซลมอน ให้กรดไขมันโอเมก้า 3 ทำให้ผนังเซลล์ผิวหนังแข็งแรง
- เลือกของว่างเป็นอัลมอนด์ เพราะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 โปรตีนที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์ ผิว และวิตามินอี ซึ่งเป็นสาร anti-oxidant ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และที่สำคัญอัลมอนด์อบแบบ Natural (ไม่ปรุงรสต่าง) ยังทำให้ไม่อ้วนด้วย
- กินผักให้หลากสี เช่น ฟักทองสีเหลือง แครอทสีส้ม ผักโขมสีเขียว พริกหวานสีแดง ล้วน อุดมด้วยแคโรทีนที่ดีต่อผิว
- ไขมันนั้นจำเป็น ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ผิวหนังของเราชุ่มชื่น คือ ไขมัน เพราะฉะนั้น ไม่ควรเลี่ยงการใช้น้ำมันปรุงอาหาร โดยเลือกใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมัน มะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน ให้ไขมันจำเป็นแก่ผิว ทำให้เซลล์มีความยืดหยุ่น และช่วย ให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเอและอีได้ดีขึ้น
- ดื่มนมไขมันต่ำ โยเกิร์ต ชีส เพราะนมอุดมด้วยวิตามินเอที่จำเป็นต่อสุขภาพผิว แบคทีเรีย ในโยเกิร์ตที่ดีต่อลำไส้และผิว
- โฮลเกรนมีประโยชน์เสมอ มีซีลีเนียมช่วยควบคุมความเสียหายของเซลล์ผิว
- ไข่ มีโปรตีนช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายจากอนุมูลอิสระ และยังมีไบโอตินช่วยปกป้อง ผิวแห้งด้วย
- ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง อย่างส้ม มะนาว ฝรั่ง ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี และสร้างคอลลาเจนที่จำเป็นแก่ผิวพรรณ
|
นอกจากอาหารเหล่านี้แล้ว อย่าลืมค่ะว่าควรพักผ่อนด้วยการนอนหลับสนิทอย่างเพียงพอ ให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง ออกกำลังกายครั้งละอย่างน้อย 30 นาทีให้ได้ 3 วันต่อสัปดาห์ ขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน และดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 1-1.5 ลิตร หรือถ้าเลือกดื่มน้ำแร่ธรรมชาติเลยก็ยิ่งดีต่อผิวพรรณ เพราะมีแร่ธาตุต่างๆที่ นอกจากดื่มแล้ว น้ำแร่ยังนำมาฉีดเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าในระหว่างวันได้อีกด้วยค่ะ ที่มา
https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2426&sub_id=85&ref_main_id=1