เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2522 รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหาร และยา เปิดเผยว่า ภายหลังองค์การอาหาร และยา (อย.) ทำการตรวจซ้ำเครื่องสำอางบางรายการ ที่เคยเก็บตัวอย่างส่ง
- BEANNE บีแอน ครีมไข่มุกตราแตร
- แอนตี้-ฟาร์ ครีม
- แอนตี้-ฟาร์ โลชั่นกันฝ้า ปรับผิว
- ROSE ครีมขจัดฝ้า
- FAR-ACT ครีมรักษาฝ้า
- CN คลินิก99
- ครีมฝ้าเมลาแคร์
- โลชั่นกันแดดกันฝ้า เมลาแคร์
- ครีมวินเซิร์ฟ
- โลชั่นวินเซิร์ฟลดฝ้ากันแดด
- MUI LEE HIANG PEARL CREAM
- เอสจี โลชั่นปรับสภาพผิว
- เลนาว ครีมบำรุงผิวหน้า กลางคืน
- NEW CARE นิวแคร์ ครีมประทินผิว
- NEW CARE นิวแคร์ โลชั่นปรับสภาพผิว
สารไฮโดรควิโนน
- สารไฮโดรควิโนนมีคุณสมบัติในการฟอกสีผิว เป็นสารที่เคยอนุญาตให้ใช้ในครีมแก้ฝ้า แต่ภายหลังพบว่า สารไฮโดรควิโนนทำให้เกิดการระคายเคือง และจุดด่างขาวที่หน้าผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวรรักษาไม่หาย
- สารไฮโดรควิโนนมีความเป็นพิษ โดยมีค่า LD50 orally in rats เท่ากับ 320 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนู 1 กิโลกรัม
- พบว่ามีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ และก่อมะเร็งในหนูทดลอง
- สามารถใช้เป็นสารออกฤทธิ์ในสูตรตำรับยาชนิดครีม ที่ระดับความเข้มข้น 2-4%
- สารไฮโดรควิโนนถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับใบหน้าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535
กรดเรทิโนอิก
- กรดเรทิโนอิกเป็นสารที่ช่วยให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังและหลุดลอกได้ จึงช่วยให้สิวเสี้ยน และผิวหนังที่หยาบกร้านหลุดลอกออกง่ายขึ้นทำให้ผิวผ่องใส และนุ่มเนียน โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับสารไฮโดรควิโนน จะช่วยให้สารไฮโดรควิโนนซึมเข้าสู่ผิวหนัง และออกฤทธิ์ได้มากกว่าปกติ
- ความเป็นพิษคือทำให้หน้าแดง และแสบร้อนรุนแรง เกิดการระคายเคืองอักเสบ แพ้แสงแดด หรือแสงไฟได้ง่าย
- เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และก่อให้เกิดความพิการแต่กำเนิด
- พบว่ามีค่า LD50 orally in rats เท่ากับ 2,000 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนู 1 กิโลกรัม
- กรดเรทิโนอิกถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอางตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 และเป็นสารห้ามใช้ลำดับที่ 375 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 80 ง ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2551
- กรดเรทิโนอิกสามารถใช้เป็นสารออกฤทธิ์ในสูตรตำรับยาชนิดครีมที่ระดับความเข้มข้น 0.01-0.1%
ปรอทแอมโมเนีย
- ปรอทแอมโมเนียออกฤทธิ์รบกวนการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ทำให้ลดการสร้างเม็ดสีผิวเมลานิน จึงช่วยให้ผิวขาวขึ้น
- ปรอทแอมโมเนียมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิด staphylococcus จึงป้องกันสิวได้ด้วย
- ปรอทแอมโมเนียสามารถทำลายไต ระบบประสาท เยื่อบุและทางเดินหายใจ
- การใช้ปรอทแอมโมเนียติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดพิษสะสมของสารปรอทในผิวหนัง และดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้ตับและไตอักเสบ เกิดโรคโลหิตจาง ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ทำลายสีของผิวหนัง และเล็บมือ ทำให้ผิวบางขึ้นเรื่อยๆ เกิดการแพ้หรือเป็นแผลเป็นได้
- พบว่ามีความเป็นพิษเฉียบพลัน ค่า LD50 orally in rat เท่ากับ 86 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนู 1 กิโลกรัม
- ถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 และเป็นสารห้ามใช้ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางลำดับที่ 221 ตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 80 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 โดยกำหนดชื่อสารห้ามใช้ คือ “ปรอทและสารประกอบของปรอท”
เครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติช่วยให้หน้าขาวใส
สารสำคัญที่นิยมใช้ในปัจจุบัน : OLIGO 25 (มีส่วนผสมของ Manganese และ Polyfructol ) Catabolic Complex, Conectrated Serum, Mexoryl SX, Merxoryl XL, สารสกัดจากดอก Edelweiss Complex, สารสกัดจากราสเบอรี่, Bio 50D(hydrolyzed yeast), สารสกัดจาก Ylang Ylang, Lemon, Cucumber, Pitera (Trade name) สารสกัดจากยีสต์ธรรมชาติ, Detox complex, Vitamin C Glucoside, Vitamin C Magnesium Phosphate, Vitamin C Gluconate และวิตามินซีบริสุทธิ์
เครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติลดเซลล์สร้างสีผิว
สารสำคัญที่นิยมใช้ในปัจจุบัน : Mela-No Complex, Vitamin C Gluconate, Vitamin C Magnesium Phosphate, Lactic Acid, Glycolic Acid, Arbutin SL Effector, Detox complex, Mulberry Extract, Licorice Extract, Seaweed Extract
เครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว ลบริ้วรอย กระชับหน้า
สารสำคัญที่นิยมใช้ในปัจจุบัน : Cytovitine yeast, Phytokine และคอลลาเจนสูตรเข้มข้น, Marine Bio Polymer Macro-collagen, Ginseng Extract, Essential Soy (สารสกัดจากโปรตีนถั่วเหลือง), Retinol, Vitamin C, Antioxidant, White Ceramic Complex, Melannite, สารสกัดจากยีสต์, Japanese Unshiu Peel Extract, ไพโตพลัส (เป็นส่วนผสมของธรรมชาติ เช่น ต้นหม่อน องุ่น และสกุเทลลาเรีย), AGR (Alpha Glucosylrutin) ลดริ้วรอยหมองคล้ำ, Vitamin E, Zincadone A (ลดปัญหารูขุมขมกว้าง) Octami oxyl (คือ Oxta peptide ของกรดอะมิโน 8 ตัว เป็น Protein Complex ป้องกันการเกร็งตัวของใบหน้า และริ้วรอยเส้นเล็กๆ บนใบหน้า ช่วยให้เส้นลึกบนใบหน้าตื้นขึ้น) Seaweed คงความชุ่มชื่นชั้นไขมัน, Sesame, Sunflower, Almond และMango Butter สร้างสมดุล และซ่อมแซมผิว ลดรอยคล้ำ, Water-lily ป้องกันการเกิดริ้วรอย และความเสื่อมสภาพของผิว, Willowherb ช่วยถนอมผิว, สารสกัดจาก Boswelox Acid, Manganese, Glycerine, Biosaccharide Gum-1, Lecithin, Serine, Glycine, Alanine, Disodium Phosphate, Potassium Phosphate, Aqua, Propylene Glycol, Ostsea(Oyster Shell Extract), Maris Limus(Sea Silt Extract), Cetearyl sononanoate, Cycolmethicone, C12-15 Alkyl benzoate, Cocoglycerides, Tapica Starcle, Glycerine Stearate, Ethylhexyl Cocoate, Methylproparudiol, Cetearyl Alcohol, Ethylhexyl Triazone, Hydrogenated Vegetable Oil, Pathenol Cera Alba, Creatine, Sodium Ascorbyl Phosphate, Ubiquinone, PEG - 40 Sterate Butylene glycol, Sodium Carbomer, Chondrus Crispus, Ginkgo และ Ursolic acid
การผสมสารเปบไทด์ 2 ชนิดที่ได้จากกรดอะมิโนธรรมชาติ ได้แก่ Pentapeptide-3 (Matrixyl) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และไพโปรเนคทิน และ Hexapeptide-3 (Argireline) ช่วยลดการผลิต catecholamine ลดการหดเกร็งกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นสาเหตุของกล้ามเนื้อ ครีมเพื่อลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ หรือครีมโบท็อกซ์ (Botox-like Cream) ซึ่งชนิดที่ใส่ในครีมกับที่แพทย์ใช้รักษาเป็นคนละตัวกัน ในครีมจะใช้สารที่เรียกว่า Acetylhexapeptide 3 จะออกฤทธิ์ในการคลายกล้ามเนื้อเช่นเดียวกับการฉีดโบท็อกซ์ และเชื่อว่าจะสามารถลดเลือนริ้วรอยได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ภายใน 30 วันเมื่อทาติดต่อกัน อย่างไรก็ตามครีมเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยตื้นๆ เท่านั้น (ฉลากข้างกล่องจะเขียนว่า Argeriline)
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=126&sub_id=53&ref_main_id=1