วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ มาเอาใจคุณสาวๆ ทุกคนกันค่ะ กับวิธีลดเลือนริ้วรอย คำว่าริ้วรอยสำหรับสาวๆ ทั้งหลายแล้วก็คคือคำที่ทำให้สาวๆ เจ็บวดที่สุด
แต่ยิ่งถ้าริ้วรอยมาปรากฏอยู่บนใบน่าแล้วหล่ะก็ไม่ต้องบอกเลยค่ะว่าสาวๆ เหล่านั้นจะรู้สึกอย่างไร แต่นับจากวินาทีนี้ไปริ้วรอยจะไม่ใช่ตัวปัญหาที่น่าหนักใจสำหรับคุณอีีกต่อไป เพราะวันนี้เราได้นำเอา วิธีลดเลือนริ้วรอย มาบอกให้ได้รู้กันค่ะ สำหรับ วิธีลดเลือนริ้วรอย เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายๆ จากการรับประทานอาหาร การเลือกใช้สิ่งของ และอีกหลายๆ อย่างไม่เชื่อใช่ไหมหล่ะค่ะว่าเพียงแค่การรับประทานอาหานจะสามารถช่วยลดริ้วรอยได้ เราะสาวๆ ทั้งหลายที่ต้องการจะแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าก็วิ่งเต้นหาวิธีต่างๆ มามายจนเหนื่อยกันเลยทีเดียว งั้นเราเข้าไปดู วิธีลดเลือนริ้วรอย กันเลยดีกว่านะค่ะ ว้่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง
9 วิธีลดเลือนริ้วรอย
1. นอนหงาย
สมาคมแพทย์ผิวหนังอเมริกันแนะนำว่า การนอนในท่าใดท่าหนึ่งเพียงท่าเดียวทุกๆ คืนจะทำให้หน้ายับ ก่อนจะกลายเป็นริ้วรอยที่เห็นได้ชัดบนผิวหน้าและไม่เลือนหายไปแม้ว่าคุณจะลุกขึ้นมาแล้วก็ตาม โดยการนอนตะแคงข้างจะเพิ่มริ้วรอยที่แก้มและคาง ขณะที่การนอนคว่ำจะทำให้เกิดรอยย่นบนหน้าผาก ฉะนั้นเพื่อลดการก่อตัวของริ้วรอยแนะนำให้สาวๆ เปลี่ยนมานอนหงายแทน แม้ว่าอาจจะไม่ชินในช่วงแรกและเผลอพลิกไปนอนในท่าที่เคยชินตอนหลับไปแล้ว แต่ก็ยังดีกว่านอนตะแคง หรือนอนคว่ำอย่างเดียวโดยไม่เปลี่ยนท่าเลยตลอดคืน
2. รับประทานปลามากขึ้น
อันนี้ฝรั่งเขาแนะนำให้รับประทานปลาแซลมอน ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีแล้วยังอุดมไปด้วยวิตามินที่ดีต่อผิว เพราะว่ามีส่วนประกอบของกรดไขมันจำเป็นที่ชื่อว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น ยืดหยุ่น เด้งดึ๋ง และดูอ่อนเยาว์ รวมถึงช่วยลดเลือนริ้วรอยด้วย แต่สำหรับคนไทยอาจจะหันมารับประทานปลาสวาย ปลาไทยๆ ราคาไม่แพง แต่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ไม่แพ้ปลาชนิดไหนในโลกแทนก็ได้ ไม่ต้องรับประทานปลาแซลมอนให้เปลืองสตางค์
3. เลิกหยีตา หาแว่นมาใส่ด่วน
สมาคมแพทย์ผิวหนังอเมริกันแนะนำว่า การขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าซ้ำๆ อย่างเช่นการหยีตาจะทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าต้องทำงานหนักเกินไปและทำให้เกิดร่องลึกที่ชั้นใต้ผิวหนังซึ่งร่องลึกเหล่านี้จะพัฒนาไปเป็นริ้วรอยถาวร ฉะนั้นทำตาโตๆ กันเข้าไว้ โดยการใส่แว่นสำหรับอ่านหนังสือ (ถ้าจำเป็นต้องใช้ เพราะสายตาสั้น) รวมถึงควรใส่แว่นกันแดดเพื่อปกป้องผิวหนังรอบๆ ดวงตาไม่ให้ถูกแสงแดดทำร้ายและเพื่อคุณจะได้ไม่ต้องหยีตาหลบแดดอีกด้วย
4. ผิวสวยด้วยกรดผลไม้
เพราะกรดผลไม้ช่วยลอกเซลล์ของชั้นผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกไปจึงช่วยลดเลือนริ้วรอยจางๆ และริ้วรอยลึกๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งริ้วรอยรอบๆ ดวงตา โดยมีหลักฐานชิ้นใหม่แสดงว่า กรดผลไม้ที่มีความเข้มข้นสูงจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย
5. เปลี่ยนจากกาแฟมาเป็นโกโก้
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2006 ใน the Journal of Nutrition รายงานว่า โกโก้มีสารประกอบ flavonol 2 ชนิด คือ เอพิคาเตซิน และคาเตซิน ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดดทำให้การหมุนเวียนของเลือดเข้าสู่เซลล์ผิวหนังได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวทำให้ผิวนุ่มเนียนมากขึ้น
6. อย่าล้างหน้าบ่อยเกินไป
แพทย์ผิวหนังบอกว่า น้ำประปาจะรบกวนน้ำมันที่ผิวหนังสร้างขึ้นตามธรรมชาติซึ่งช่วยปกป้องผิวไม่ให้เกิดริ้วรอย ดังนั้นการล้างหน้าบ่อยๆ จะล้างสิ่งที่ปกป้องผิวหนังออกไป เว้นแต่ว่าสบู่ที่คุณใช้จะมีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยปกป้องผิวจึงขอแนะนำให้ใช้เคลนเซอร์ล้างหน้าแทนสบู่
7. ใช้วิตามินซีชนิดทา
ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Tulane และผลการศึกษาจากที่อื่นพบว่า วิตามินซีสมารถเพิ่มการผลิตคอลลาเจนช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสียูวีเอและยูวีบีทำให้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอลดลงรวมถึงทำให้ภาวะผิวหนังอักเสบมีอาการดีขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิตามินซีที่ใช้ด้วยปัจจุบันผลการวิจัยส่วนมากพบว่า กรดแอล-เอสคอร์บิก สามารถลดริ้วรอยได้มากที่สุด
8. กินถั่วเหลืองมากขึ้น
ผลการวิจัยแสดงว่า ถั่วเหลืองอาจจะช่วยปกป้องหรือเยียวยาผิวที่ถูกแสงแดดทำร้ายได้ โดยผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน The European Journal of Nutrition รายงานว่า อาหารเสริมที่มีถั่วเหลืองเป็นส่วนประกอบพื้นฐานชนิดหนึ่ง ซึ่งมีวิตามินต่างๆ โปรตีนจากปลา และสารสกัดจากชาขาว เมล็ดองุ่น และมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบด้วยช่วยทำให้โครงสร้างของผิวดีขึ้นภายใน 6 เดือน
9. ดูแลผิวด้วยวิธีการที่ถูกต้อง
ถ้าคุณต้องการรักษาผิวให้ดูอ่อนเยาว์ควรเริ่มต้นการดูแลอย่างถูกต้องด้วยวิธีที่คุณอาจจะเคยได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ไม่เคยทำเลย ดังนี้
- หลีกเลี่ยงแสงแดด
- ทาครีมกันแดด
- ไม่สูบบุหรี่
- บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์
เพียงใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ผิวของคุณก็จะเกิดริ้วรอยได้ยากขึ้น
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1712&sub_id=8&ref_main_id=1
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1712&sub_id=8&ref_main_id=1