แผลเป็น ที่เกิดจากอุบัติเหตุ หรือเกิดจากรอยสิว ที่เกิดจากการบีบ คงเป็นปัญหาที่น่าปวดหัว สำหรับทุกๆคนใช่ไหมค่ะ เพราะเมื่อแผลหายแล้ว เจ้ารอยแผลเป็นก็โผล่ขึ้นมา ไม่ยอมหายซักที วันนี้เรามาดูวิธีการดูแลรักษาแผลเป็น ที่ได้ผลกันดีกว่าค่ะ
วิธีการรักษาแผลเป็น ให้หายทันใจ..
การที่มีรอยแผลเป็นบนผิวหน้า หรือผิวหนังบนร่างกาย มักจะสร้างความสะเทือนใจให้แก่เจ้าของแผลเป็นอย่างยิ่งใช่ไหมค่ะ บางคนอยากจะลบ แผลเป็น นี้ไปจากหัวใจ เอ๊ย ร่างกาย กันใช่ไหมค่ะ แผลเป็นบนใบหน้าหรือส่วนนอกร่มผ้าคงทำให้หลายต่อหลายคนขาดความมั่นใจ การรักษาจากต้นเหตุคือเมื่อเกิดแผลแล้วควรรีบรักษาป้องกัน ไม่ใช้ไปแกะ เกาะ แผลอีกนะคะ เพราะมันจะเป็นแผลเป็นตามมาแน่ๆ เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็น ผลิตภัณฑ์ประเภทครีมและเจลทาแผลหรือแผ่นเจลที่ใช้แปะก็ช่วยได้ แต่อาจได้ผลลัพธ์ไม่ดีเหมือนกันทุกคน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของแผล และกรรมพันธุ์ของแต่ละคน
แผลเป็น คือ แผลที่หายแล้วแต่ยังมีรอยอยู่ เมื่อเกิดบาดแผลบนผิวหนัง ร่างกายของเราจะรักษาแผลเองโ
ดย ผลิตอิลาสตินและคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่อยู่ในชั้นหนังแท้ขึ้นมาปกป้องผิวหนัง และซ่อมแซมชั้นผิวหนังส่วนที่ฉีกขาด แผลที่ลึกนั้นมีความเสียหายของชั้นผิวหนัง รวมทั้งเส้นเลือดและเส้นประสาทมากกว่า จึงใช้เวลาในการรักษามากกว่าแผลตื้นๆ ที่มีการสูญเสียแค่เซลล์หนังกำพร้า โอกาสที่จะเกิดแผลเป็นจึงมีมากขึ้น แผลเป็นเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะค่อยๆ จางลงเองตามธรรมชาติแต่จะใช้เวลานานเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับสี ความเรียบ และขนาดของแผลนั้นๆสีที่แตกต่าง แผลเป็นที่มีรอยเป็นสี มักเกิดจากแผลที่ไม่ลึกมาก เกิดจากการเปลี่ยนของเซลล์เม็ดสี ทำให้แผลแลดูมีสีดำหรือสีคล้ำ รักษาได้โดยการทาวิตามินเพื่อผลัดเซลล์ผิว เช่น วิตามินเอ วิตามินซีหรืออาจใช้เลเซอร์ประเภททำลายเซลล์เม็ดสี (Pigment Laser) ที่ทำให้เมลานินที่เข้มผิดปกติให้แตกออก และร่างกายของเราก็จะกำจัดออกไปเองโดยอัตโนมัติ แผลเป็นแบบที่ลึกขึ้นมาหน่อยจะเป็นสีแดง รักษาได้ด้วยการทาวิตามินเพื่อผลัดเซลล์ผิวได้เช่นกัน แต่หากเลือกการรักษาด้วยเลเซอร์ ควรเป็นเลเซอร์ที่ใช้ลบรอยแดง ประเภท V-beam หรือ Pulse Dye ซึ่งใช้แก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดระบบเส้นเลือดให้เป็นปกติ