วิตามิน ทานยังไงให้ถูกวิธีและมีประโยชน์


1,085 ผู้ชม


วิตามินที่เราทานส่วนใหญ่ได้จาก ผัก ผลไม้ที่เราทานเข้าไปอยู่ทุกวัน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีประโยชน์ทั้งสิ้น และถ้าร่างกายไม่ได้รับวิตามินที่ดีหรือเพีงพอในแต่ละวัน คุณก็จะเป็นคนที่ขาดวิตามินร่างกายก็จะหยุดทำงาน         วิตามินที่เราทานส่วนใหญ่ได้จาก ผัก ผลไม้ที่เราทานเข้าไปอยู่ทุกวัน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีประโยชน์ทั้งสิ้น และถ้าร่างกายไม่ได้รับวิตามินที่ดีหรือเพีงพอในแต่ละวัน คุณก็จะเป็นคนที่ขาดวิตามินร่างกายก็จะหยุดทำงาน 
แล้ววิตามินเขากินกันอย่างไร?
วิตามินที่ร่างกายได้รับส่วนใหญ่มาจากอาหารที่เรากินเข้าไปค่ะ และส่วนหนึ่งร่างกายก็สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง วิตามินที่ดีจึงต้องสกัดจากอาหาร ถึงอย่างไร เราก็ไม่กินวิตามินแทนอาหารนะคะ เพราะวิตามินไม่ใช่ยา แต่เป็นสารสกัดจากสิ่งมีชีวิต (Organic) ที่จำเป็นสำหรับร่างกาย มีหน้าที่ช่วยให้การทำงานของระบบต่างๆ ให้สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้เราดำรงชีวิต อยู่ได้ เพราะถ้าขาดวิตามินแล้วร่างกายจะหยุดทำงานค่ะ 
ในที่นี้จะขอเล่าถึงวิตามินบางตัวที่มีความสำคัญต่อภูมิชีวิต (Immune System) เรา ซึ่งที่น่ารู้จักก็คือ วิตามินในกลุ่มแอนติออกซิแดนท์ ได้แก่ A, C, D และ E และกลุ่มวิตามิน B ชนิดต่างๆ
วิตามิน A : พบในน้ำมันตับปลา ผักสีต่างๆ เช่น แครอท ผักโขม และหัวบีทรู้ท
ประโยชน์ 
  • ช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน                                      
  • ช่วยให้กระดูก ผม ฟัน และเหงือกแข็งแรง                                            
  • สร้างความต้านทานให้แก่ระบบหายใจ                                                  
  • ช่วยสร้างภูมิชีวิตให้ดีขึ้น และทำให้หายป่วยเร็วขึ้น                                   
  • ช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ลดอาการอักเสบของสิว ช่วยลบจุดด่างดำ และจุดวัยสูงอายุ                                                                                            
  • ช่วยบรรเทาโรคเกี่ยวกับไทรอยด์
ปริมาณที่แนะนำ
  • ผู้ชายควรกินอาหารที่มีวิตามิน A 1,000 R.E. หรือเท่ากับ 5,000 I.U. ต่อวัน
  • ผู้หญิงควรกินอาหารให้ได้วิตามิน A 800 R.E. หรือ 4,000 I.U. ต่อวัน        
  • หากกำลังตั้งครรภ์ควรกินเพิ่มเป็น 1,000 R.E. หรือ 5,000 I.U. ต่อวัน        
  • สำหรับการกินวิตามิน A เป็นอาหารเสริมควรกินวันละ 10,000 I.U.
วิตามิน C
ประโยชน์
  • เป็นตัวสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นตัวเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ทั้งยังเป็นตัวสร้างกระดูก ฟัน เหงือก และเส้นเลือด                                     
  • ช่วยแผลสดและแผลไฟไหม้หายเร็วขึ้น                                                
  • ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างเม็ดเลือดทางอ้อม               
  • ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ (MUTATION)                             
  • ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคนอนหลับตาย (SIDS) ในกรณีเด็กอ่อน                 
  • ช่วยแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน                                                         
  • ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด                                                          
  • ช่วยคลายเครียด
ปริมาณที่แนะนำ
ในรายที่ขาดวิตามิน C ควรกิน เสริม วันละ 1,000 mg
วิตามิน D : พบมากในเนย นม เนยแข็ง และในแดด ดังนั้น เราจึงควรตากแดดวันละ 2-3 ชั่วโมง
ประโยชน์
  • ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยในการย่อยอาหาร เพิ่มพลังงาน และช่วยรักษาสิว ทั้งนี้หากกินร่วมกับวิตามิน B6 ในขนาดสูงๆ จะช่วยรักษาข้ออักสบ และโรคเรื้อนกวาง (สะเก็ดเงิน) ได้
ปริมาณที่แนะนำ
ควรกินวิตามิน D เสริม วันละ 1,000 I.U
วิตามิน E
ประโยชน์
  • หน้าที่สำคัญที่สุดของวิตามิน E เป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ คือทำให้เกิดการเผาผลาญ (OXIDATION) โดยมีตัวออกซิเจนเป็นตัวการสำคัญ ทำให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น เป็นตัวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด ช่วยขยายเส้นเลือด ช่วยต้านการแข็งตัวของเลือด ช่วยลอความสามารถในการจับตัวเป็นลิ่มเลือด และลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมองและหัวใจ                              
  • บำรุงตับซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมากมาย                                            
  • ช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ เซลล์ประสาท และกล้ามเนื้อทำงานได้ตามปกติ             
  • บำรุงตับซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมากมาย                                            
  • ช่วยให้ผิวหนังสดใส และช่วยสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกให้หายเร็วขึ้น        
  • ช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้น และไม่อ่อนเพลียง่าย
ปริมาณที่แนะนำ
  • ควรกินวิตามิน E เสริม ขนาดเม็ดละ 400 I.U. วันละ 2 เม็ด เช้า-เย็น            
  • ไม่ควรกินในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจเกิดความดันโลหิตสูงได้ในบางราย วิธีแก้อาการดังกล่าวคือ ควรกินในปริมาณ 100 I.U. ก่อน แล้วจึงเพิ่มปริมาณเป็น 200 I.U. และ 400 I.U. ตามลำดับ
  • หากกินเหล็กและวิตามิน E พร้อมกัน จะเกิดภาวะที่ร่างกายไม่สามารถดูดวึมวิตามิน E ได้ วิธีแก้คือ ควรแยกกินวิตามิน E ก่อนธาตุเหล็ก 8-12 ชั่วโมง
วิตามิน B1 หรือ Thiamin
ประโยชน์
  • จำเป็นต่อการทำงานของสมอง ระบบประสาท ระบบย่อย หัวใจ และกล้ามเนื้อ ช่วยให้เจริญอาหาร และช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยแก้อาการเมาคลื่น และเมาอากาศ                                                                                
  • ช่วยเพิ่มภูมิชีวิตและรักษางูสวัด (Herpes Zoster) ให้หายเร็วขึ้น
ปริมาณที่แนะนำ
  • ถ้าต้องการกินวิตามินชนิดนี้เป็นอาหารเสริมควรกินวันละ 1 เม็ดหลังอาหาร เม็ดละ 100 mg
  • หากเกิดอาการเครียด ตื่นเต้น เจ็บป่วยโดยเฉพาะหลังผ่าตัด ควรกินวิตามิน B1 ร่วมกับวิตามิน B Complex (วิตามินบีรวม)                  
  • คนที่ควรกินวิตามิน B1 เสริม คือ
  1. คนที่ชอบกินของหวานๆ กับแป้งขาวมากๆ หรือสูบบุหรี่ และดื่มเหล้าจัด ซึ่งมีโอกาสเป็นโรคขาดวิตามิน B1 ได้
  2. คนที่กินยาลดกรดในกระเพาะเป็นประจำ เพราะยาลดกรดจะทำลายวิตามิน B1 ในอาหารให้เหลือน้อยลง
  3. ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ และผู้หญิงที่กินยาคุมกำเนิดเป็นประจำ

ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2666&sub_id=73&ref_main_id=14

อัพเดทล่าสุด