ความสำคัญของเกลือแร่กับการออกกำลังกาย...

เครื่องดื่มชูกำลังมีคาเฟอีนช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้สมองแจ่มใส ไม่ง่วงเหงาหาวนอน ทำงานได้กระฉับกระเฉงขึ้น วิตามินและเกลือแร่บางชนิด ช่วยให้การทำงานของของระบบประสาทและการหดตัวของกล้ามเนื้อดีขึ้น นอกจากนี้ยังพบสารปรุงแต่งกลิ่น สี รวมทั้งรสชาติ ทำให้ดื่มเครื่องดื่มได้มากขึ้น และป้องกันการขาดน้ำขณะออกกำลังกาย อย่างไรก็ตาม การศึกษาเปรียบเทียบพบว่า เครื่องดื่มชูกำลังที่มีขนาดความจุ 240 ซีซี มีคาเฟอีนผสมอยู่ระหว่าง 50-145 มิลลิกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับกาแฟที่ต้มหรือชงในถ้วยที่มีความจุขนาดเดียวกัน การดื่มเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนในปริมาณดังกล่าว แม้จะช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น แต่ในระยะยาวจะทำให้ผู้ดื่มมีอาการกระสับกระส่าย มือไม้สั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ หูอื้อ และปัสสาวะมากกว่าปกติ นอกจากนี้ คาเฟอีนยังมีผลไปกระตุ้นทำให้เพิ่มการหลังกรดในกระเพาะอาหาร จนอาจทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารได้ สำหรับผู้ที่แพ้คาเฟอีนนั้น จะทำให้มีอาการหน้าแดง มือสั่น ใจสั่น และความสามารถในการทำงานลดลง ดังนั้น ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังจึงต้องมั่นใจว่าตนเองไม่มีอาการแพ้คาเฟอีน และควรปฏิบัติตามคำแนะนำที่ระบุไว้ข้างขวดอย่างเคร่งครัด

หลังออกกำลังกายควรดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่หรือไม่? การออกกำลังกายทำให้มีการลดลงของสารอาหารที่เก็บสะสมในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาร์โบไฮเดรต และมีการลดลงของปริมาณน้ำและเกลือแร่ เช่น โซเดียมคลอไรด์เนื่องจากการหลั่งเหงื่อ การลดลงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความหนักและระยะเวลาของการออกกำลังกาย และขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหารขณะออกกำลังกาย และขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหารขณะออกกำลังกาย ดังนั้น หลังออกกำลังกาย ควรได้รับสารอาหารทดแทนอย่างเพียงพอเพื่อให้ร่างกายทำหน้าที่ตามปกติและเตรียมพร้อมสำหรับการออกกำลังกายหรือการทำกิจกรรมในครั้งต่อไป จากคำถามที่ว่าหลังออกกำลังกายควรดื่มเครื่องดื่มหรือไม่ เราต้องพิจารณาว่า ภายหลังการออกกำลังกายเราสามารถรับประทานอาหารตามปกติได้เร็วแค่ไหนถ้าสามารถรับประทานอาหารตามปกติได้ทันที ก็ไม่จำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ เพราะถึงแม้เครื่องดื่มเกลือแร่จะมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อชดเชยสารอาหารที่สูญเสียไปในขณะออกกำลังกายแต่เครื่องดื่มเกลือแร่มีสารอาหารไม่ครบทุกชนิดเหมือนกับอาหารมื้อหลักที่เรารับประทาน ในเครื่องดื่มเกลือแร่ที่ขายตามท้องตลาดมีส่วนประกอบหลักๆ คือ คาร์โบไฮเดรต ได้แก่ น้ำตาลซูโครส กลูโคส และ ฟรุกโตส และเกลือแร่ ได้แก่ โซเดียม คลอไรด์ โพแทสเซียม และแมกนีเซียม นอกจากนี้ยังประกอบด้วยวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินซี และกรดอะมิโน เช่น อะลามีน กลูตามีน และมีการแต่งสี กลิ่นและรสชาติเพื่อให้น่าดื่มยิ่งขึ้น

นักกีฬาที่แข่งขันจำเป็นต้องรับประทานกล้วยจริงหรือ? กล้วยเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงซึ่งจะถูกย่อยและดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ภายหลังการรับประทานกล้วยเพียงไม่กี่นาทีก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น น้ำตาลในกระแสเลือดที่เพิ่มขึ้นจะถูกนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานแทนการใช้คาร์โบไฮเดรตที่เก็บสะสมอยู่ในร่างกาย นักกีฬาจึงออกกำลังกายที่มีความหนักสูงๆ ได้โดยไม่มีอาการเหนื่อย กล้วยประกอบด้วยแร่ธาตุ เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและการหดตัวของกล้ามเนื้อ ด้วยเหตุผลดังกล่าว นักกีฬาที่ต้องใช้แรงมากและใช้เวลาในการแข่งขันนาน เช่น นักเทนนิส นักฟุตบอล เป็นต้นจึงนิยมรับประทานกล้วยในช่วงเวลาพักระหว่างการแข่งขัน คนที่มิใช่นักกีฬาแต่ออกกำลังกายอย่างหนัก หากต้องการชดเชยแร่ธาตุที่สูญเสียไป ก็สามารถรับประทานกล้วยได้
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=534&sub_id=74&ref_main_id=14