ผู้เชี่ยวชาญแห่งองค์การอาหารของอนามัยโลก(FAO) ได้กล่าวว่า เหตุแห่งการระบาดของไข้หวัดนกรอบใหม่ เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ไม่ร่วมมือร่วมใจกันมากพอ และไม่ยอมช่วยในเรื่องงบประมาณในการป้องกันมากพอ
ผู้อำนวยการองค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ ได้กล่าวว่า หลาย ๆ ประเทศกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไข้หวัดนกที่จะพัฒนาจากคนสู่คนที่ลามไปทั่วโลก ทั้ง ๆ ที่เราสามารถป้องกันมันได้ถ้าร่วมมือร่วมใจป้องกันการระบาดที่เกิดเป็นอันดับแรก คือในสัตว์ปีก ตั้งแต่ปี 2003
"เรามุ่งแต่จะป้องกัน การติดต่อจากคน สู่คน แต่ลืมนึกว่า สิ่งที่จะทำได้ดีที่สุดคือ ป้องกันการติดจากแหล่งระบาดคือสัตว์ปีก ซึ่งจะเป็นการตัดวงจรการระบาด และบัดนี้เวลาก็ล่วงเลยมามากจนเกือบจะสายไป เพราะมีการรายงานการระบาดในสัตว์ปีกไปทั่วโลกเสียแล้ว" เขากล่าว
ผู้อำนวยการองค์การอาหารและเกษตร กล่าวในการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดของไข้หวัด ที่เมืองอ๊อตตาว่า
ผู้บริหารระดับสูงขององค์การเพื่อสุขภาพสัตว์ ก็กล่าวเช่นเดียวกันว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดการเกี่ยวกับการระบาดในสัตว์ เพื่อตัดวงจรการระบาดมายังคน
เขายังกล่าวว่า หลาย ๆ ประเทศ ทุ่มเงินน้อยไป หรือไม่มีเงินพอ ในการกำจัดสัตว์ปีกที่มีการระบาด และต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับเกษตรกรผู้สูญเสียสัตว์จากการกำจัด ทำให้หลาย ๆ ประเทศในเอเชียยังมีการระบาดโรคนี้อย่างประปราย และอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่นในอนาคต
เขายังกล่าวว่า ต้องมีการช่วยเหลือทางการเงินในหลาย ๆ ประเทศให้ต่อสู้กับการระบาด
ในขณะนี้ ยังมีรายงานประปรายเกี่ยวกับการระบาดในยุโรป โดยประเทศล่าสุดคือ รัสเซีย และโครเอเชีย ที่มีการยืนยันเมื่อวันจันทร์ (24 ตค) ที่ผ่านมาว่า พบเชื้อไวรัส h5n1 ในห่านที่ตาย
นกที่ย้ายถิ่นฐานในหน้าหนาว เป็นต้นตอสำคัญของการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แอฟริกา อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ยังได้กล่าวอีกว่า "ตอนนี้เหลือเพียงแต่รอเวลาการระบาดใหญ่ของไข้หวัดเท่านั้น เพราะจนบัดนี้ เรายังไม่มีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพพอ และยังไม่สามารถผลิตได้ในปริมาณที่พอเพียง"
"โลกยังขาดวัคซีนหลายพันล้านหลอด เป็นการท้าทายอย่างมาก ...เวลาเท่านั้นที่จะบอก และเราก็โชคร้ายที่ทุ่มเทเงินน้อยเกินไปในช่วงที่ผ่านมา"
ที่มา https://www.thaihealth.net/h/article588.html