กรณีชาวบ้านกินหน่อไม้ปี๊บ ที่นำมาทำเป็นอาหารกลางวันเลี้ยงผู้ไปร่วมงานจนเกิดมีอาการปวดท้องคลื่นไส้อาเจียน หายใจติดขัด นำส่งโรงพยาบาลจำนวนมาก โดยผู้ป่วยบางรายอาการหนักมาก ต้องได้รับการรักษาในห้องไอซียู
เพื่อทำการบำบัดเยียวยาช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ พบว่าสาเหตุของการป่วยเกิดมาจากการกินหน่อไม้อัดปี๊บที่มีเชื้อคลอสตริเดียมบูโทลินัม (Clostridium botulinum)
หากกรรมวิธีการผลิตไม่สะอาดพอ ผู้บริโภคจะได้รับเชื้อและปรากฏอาการขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพิษของเชื้อโรคจะทำลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
คลอสตริเดียม บูโทลินัม
สำหรับเชื้อคลอสตริเดียมบูโทลินัมเป็นเชื้อแบคทีเรียที่สร้างสปอร์และเจริญได้ในสภาวะไม่มีออกซิเจน มีรูปร่างเป็นท่อน ติดสีแกรมบวก สร้างสปอร์รูปไข่อยู่ค่อนทางปลายเซลล์ เจริญได้ดีที่อุณหภูมิประมาณ 25-40 องศาเซลเซียสในสภาวะไม่มีออกซิเจน จากการย้อมสีพบว่าเป็นชนิดแกรมบวกทรงแท่ง รูปร่างตรงหรือโค้งเล็กน้อย เคลื่อนไหวได้ความกว้าง 0.5-2.0 ไมครอน ความยาว 1.6-22.0 ไมครอน ลักษณะเฉพาะคือพบสปอร์ทรงรีที่ส่วนท้ายใกล้ปลายเซลล์
มักพบในอาหารบรรจุปี๊บ อาหารกระป๋อง เนื่องจากเป็นแบคทีเรียที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องชนิดที่มีความเป็นกรดต่ำ เช่น อาหารหมักดองกระป๋อง ผักผลไม้กระป๋อง และไส้กรอก เป็นต้น
โดยทั่วไปพบเชื้อนี้ได้ในสิ่งแวดล้อม เช่น ดิน น้ำ ผัก เนื้อ นม ลำไส้ของปลา และสัตว์ทะเลอื่นๆ อาหารที่อยู่ในสภาพไร้ออกซิเจนและผ่านความร้อนไม่เพียงพอ เชื้อสามารถที่จะสร้างเกราะหุ้มเซลล์ที่เรียกว่า สปอร์
ซึ่งอาจปนเปื้อนในกรรมวิธีการผลิต การเก็บเกี่ยว หรือ ขั้นตอน การทำลายเชื้อเพื่อประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนไม่เพียงพอ สปอร์จะเจริญกลายเป็นเซลล์ มีการเพิ่มจำนวนและสร้างสารพิษได้เมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต เชื้อจะเพิ่มจำนวนเป็นสองเท่าทุกๆ 20-30 นาที โดยเพิ่มจาก 1 เซลล์เป็น 2 เซลล์ ดังนั้นถ้าอาหารมีเชื้อปนเปื้อนเพียง 1 เซลล์ ภายในเวลา 10 ชั่วโมง เชื้อจะมีจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านเซลล์
เชื้อคลอสตริเดียมบูโทลินัมชนิดต่างๆ
เชื้อคลอสตริเดียมบูโทลินัม พบได้ในดินและแหล่งน้ำทั่วโลก มีทั้งหมด 7 ชนิด C. botulinum (A-G) ชนิดที่ร้ายแรงคือ types A, B, และ E สปอร์ของเชื้อนี้พบกระจายได้ทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนผิวดิน ออกฤทธิ์ทำลายระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อไม่มีแรง อ่อนเปลี้ย อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยมีอาการหายใจไม่ออก คลื่นไส้ อาเจียน เมื่อได้รับสารพิษชนิดนี้ จะเริ่มมีอาการเสียงเปลี่ยน กลืนลำบากและแขนขาอ่อนแรง ในปริมาณที่ใช้ในการทำสงครามชีวภาพอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากการได้รับเชื้อจากธรรมชาติ เช่น ที่เกิดจากการกินอาหารทีปนเปื้อนเชื้อ เป็นต้น
โดยทั่วไปเชื้อคลอสตริเดียม บูโทลินัมจะอยู่ตามดินและปนเปื้อนอาหารเข้าไป อีกส่วนหนึ่งพบได้ในบาดแผล เชื้อคลอสตริเดียมนี้จะตายเมื่อถูกความร้อนในน้ำเดือด 100 องศาเซลเซียส นาน 30 นาทีขึ้นไป หากกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อจะมีผลต่อระบบประสาท ทำให้การทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อสูญเสียไป มีอาการตาพร่ามัว หนังตาตก ลืมตาไม่ขึ้น ตากระตุก กลืนลำบาก แขนขาอ่อนแรง หากเป็นที่กล้ามเนื้อกระบังลมซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบหายใจจะทำให้เกิดภาวะการหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้ หากนำมาใช้ในสงคราม ผู้ที่ได้รับสารพิษชนิดนี้จะเสียชีวิตด้วยอาการหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว การทดลองในห้องปฎิบัติการพบว่าเมื่อให้สัตว์ทดลองสูดดมสปอร์สารพิษของเชื้อนี้ อาการทางระบบทางเดินหายใจเกิดขึ้นทันทีทันใด และอาจเกิดผลในเวลาต่อมาได้อีกด้วย
อันตรายจากสารพิษ
การสร้างสารพิษของเชื้อคลอสตริเดียม บูโทลินัม มีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนปลาย โดยสารพิษจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิตและไปสู่เซลล์ของระบบประสาทส่วนกลาง สารพิษออกฤทธิ์ที่ส่วนเชื่อมต่อระหว่างปลายประสาทกับกล้ามเนื้อ โดยจะไปสกัดการหลั่งสารสื่อประสาทชนิดอะซิทิลโคลีน หรือขัดขวางการสร้างอะซิทิลโคลีน ทำให้กระแสประสาทไม่สามารถผ่านจากประสาทสู่กล้ามเนื้อได้ จึงเกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เป็นสาเหตุของการเกิดอัมพาต ถ้าเกิดอัมพาตของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการหายใจส่งผลทำให้ระบบการหายใจล้มเหลวซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้
หน่อไม้อัดปี๊บ
สำหรับหน่อไม้อัดปี๊บที่พบการปนเปื้อนของสารพิษต่อระบบประสาท คาดว่าสาเหตุมาจากหน่อไม้ที่ใช้เป็นวัตถุดิบ อาจมีการปนเปื้อนด้วยสปอร์ของเชื้อคลอสตริเดียมบูโทลินัม ซึ่งในขั้นตอนการผลิตอาจให้ความร้อนที่ไม่ทั่วถึงทำให้ไม่สามารถทำลายสปอร์ของเชื้อได้ การต้มในขณะผลิตจะช่วยไล่ออกซิเจนออกจากปี๊บ หลังจากทำการปิดปี๊บจะทำให้ สภาวะภายในปี๊บอยู่ในสภาพไร้ออกซิเจน จึงเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสปอร์และกลายเป็นเซลล์ที่มีชีวิตสร้างสารพิษต่อระบบประสาทปนเปื้อนในหน่อไม้นั่นเอง
อาการของโรค
เนื่องจากเชื้อสามารถสร้างสารพิษที่มีผลต่อการทำลายระบบประสาท หากบริโภคอาหารที่มี สารพิษชนิดนี้ปนเปื้อนเพียงหนึ่งไมโครกรัม จะทำให้เกิดอาการป่วยที่เรียกว่า "botulism” ซึ่งมีลักษณะอาการ คือ อาการกลืนลำบาก และพูดไม่ชัด อาการปากแห้ง หนังตาตก เสียงแหบ แขนขาอ่อนแรง คลื่นไส้อาเจียน เจ็บคอ เห็นภาพซ้อน ปวดท้อง และอุจจาระร่วง หน้ามืด เป็นอัมพาต หายใจขัด และเสียชีวิตเนื่องจากระบบหายใจล้มเหลว อาการจะเกิดภายใน 12-36 ชั่วโมง หลังการบริโภคอาหาร และอาจเสียชีวิตภายใน 3-6 วัน
แนวทางการรักษา
เนื่องจากสารพิษจะออกฤทธิ์ภายในเวลาอันรวดเร็ว การรักษาจำเป็นต้องใช้ยาแก้พิษ antitoxin ที่เฉพาะเจาะจงและทันท่วงที การใช้ยาแก้พิษต้องให้ก่อนที่จะเริ่มมีอาการทางระบบประสาทที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามหากไม่ทันก็ยังจำเป็นต้องให้ยาเพื่อบรรเทาความรุนแรงของพิษที่เกิดขึ้น มีการคาดประมาณกันว่าในการก่อการร้ายหรือทำสงครามอาวุธชีวภาพ ปริมาณสารพิษ botulinum toxin ชนิดพ่นเพียงหนึ่งกรัม สามารถทำลายชีวิตมนุษย์ได้ถึง 1.5 ล้านคน
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=130&sub_id=54&ref_main_id=4