สุขภาพกับโรคตาในวัยทำงาน


934 ผู้ชม


ดวงตาในการทำงานถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมาก ยิ่งในยุคปัจจุบันหนุ่มสาวออฟฟิตต้องให้เวลาในการอยู่กับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ การดูแลดวงตา จึงเป็นสิ่งจำเป็น         ดวงตาในการทำงานถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมาก ยิ่งในยุคปัจจุบันหนุ่มสาวออฟฟิตต้องให้เวลาในการอยู่กับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ การดูแลดวงตา จึงเป็นสิ่งจำเป็น 
สุขภาพกับโรคตาในวัยทำงาน

สุขภาพกับโรคตาในวัยทำงาน

ในคนวัยทำงาน ดวงตาถือเป็นเรื่องสำคัญในการทำงาน ซึ่งในหนึ่งวัน คนในวัยทำงานจะต้องใช้สายตามากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ดังนั้นการถนอมดวงตาให้ปลอดภัยจากโรคต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่คนในวัยทำงานต้องทำมากที่สุด

โรคตาที่พบได้บ่อยในวัยทำงานที่ควรรู้จัก ได้แก่ สายตาผิดปกติ ปัญหาจากการใช้คอมพิวเตอร์ ต้อลมและต้อเนื้อ อุบัติเหตุกับดวงตา
สุขภาพกับโรคตาในวัยทำงาน
 
สายตาผิดปกติ
สายตาผิดปกติ คือภาวะที่ทำให้ตามัว มีลักษณะคล้ายการถ่ายภาพไม่ชัดหรือภาพไม่โฟกัส อาจเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง  การแก้ไขการเห็นภาพไม่ชัดจากภาวะสายตาผิดปกติมีดังนี้คือ
  • การใช้แว่นตา เป็นวิธีที่สะดวก ปลอดภัย โดยทั่วไปอย่างน้อยในการวัดแว่นสายตาครั้งแรก ควรได้พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยว่าไม่มีโรคทางตาอื่นที่รุนแรงแว่นตาควรได้รับการเปลี่ยนเมื่อการมองเห็นภาพด้วยแว่นนั้นเริ่มไม่ชัด หรือทำให้ผู้ใช้แว่นตารู้สึกปวดตาหรือปวดศีรษะ
  • การใช้คอนแทกเลนส์ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้มีปัญหาในการใช้แว่นตา คอน แทกเลนส์มีทั้งชนิดใช้ชั่วคราวแล้วทิ้ง และชนิดถาวรใช้ได้ ๑-๒ ปี โดยทั่วไปคอนแทกเลนส์ทุกชนิดให้ใส่เฉพาะเวลาที่จำเป็น ห้ามใส่นอน และควรดูแลความสะอาดอย่างถูกต้อง เพราะการใช้คอนแทกเลนส์ผิด
    วิธีมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่กระจกตา ซึ่งอาจทำให้ตาบอดได้
  • การใช้เลเซอร์แก้ไขสายตา เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย  โดยทั่วไปมักทำในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปีขึ้นไป ที่ระดับสายตาผิดปกติเริ่มไม่เปลี่ยนแปลง และต้องไม่มีโรคประจำตัวชนิดที่เป็นข้อห้าม
ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาสายตาผิดปกติที่สนใจจะทำเลเซอร์แก้ไขสายตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจสภาพตาก่อนรับคำแนะนำเพื่อการตัดสินใจต่อไป
ปัญหาจากการใช้คอมพิวเตอร์
ปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทกับคนวัยทำงานเป็นอย่างมาก บางคนอาจจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์นานถึง ๘-๑๐ ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาปวดตาจากการเพ่งสายตา เคืองตาจากภาวะตาแห้ง และตามัว
จากการเพ่งค้างของเลนส์ตา ซึ่งมีข้อแนะนำสำหรับการใช้คอมพิวเตอร์ดังนี้

  • เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาปวดตาจากการเพ่งหรือตามัวจากการเพ่งสายตาค้าง ควรมีการหยุดพักสายตาทุก ๓๐ นาทีของการใช้คอมพิวเตอร์ โดยการมองไปบริเวณกว้างๆ เช่นนอกหน้าต่างอย่างน้อย ๓-๕ นาทีก่อนกลับมาทำงานกับคอมพิวเตอร์ใหม่ จะช่วยลดอาการปวดตาและตาพร่าได้
  • เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเคืองตาจากตาแห้ง แนะนำให้หลีกเลี่ยงการนั่งใช้คอมพิวเตอร์บริเวณที่มีลมพัด ทั้งจากพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ และแนะนำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์กะพริบตาบ่อยๆ เมื่อรู้สึกเคืองตา หากอาการรุนแรงอาจจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมจะทำให้อาการเคืองตาดีขึ้นได้
โรคต้อลมและต้อเนื้อ
เกิดจากเยื่อบุตาขาวสัมผัสสิ่งระคายเคือง เช่น ลม ฝุ่นหรือแสงแดดจ้าๆ เป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดการหนาตัวและอักเสบของเยื่อบุตาขาว ซึ่งหากมีการหนาตัวเฉพาะบริเวณตาขาว จะเรียกว่าโรคต้อลม ต่อมาหากอาการของโรครุนแรงมากขึ้น อาจลุกลามเข้าบริเวณตาดำจะเรียกว่าโรคต้อเนื้อ ซึ่งอาการของโรคต้อลมและโรคต้อเนื้อ คือ จะทำให้รู้สึกเคืองตา แสบตา ตาแดงบริเวณต้อเมื่อสัมผัสกับฝุ่น ลม หรือแสงแดดจ้าๆ ซึ่ง นอกจากจะทำให้เกิดการอักเสบของต้อแล้ว ยังทำให้ต้อลมและต้อเนื้อลุกลามมากขึ้น
ดังนั้น ผู้ป่วยโรคต้อลมและต้อเนื้อ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น ลม และแสงจ้า  นอกจากนั้นต้องไม่ซื้อยาหยอดตาจากร้านขายยามาหยอดตาเอง เพราะยาบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสตีรอยด์ซึ่งอาจทำให้ตาบอดจาก
โรคต้อหินแทรกซ้อนได้
อุบัติเหตุกับดวงตา
ดวงตาเป็นอวัยวะที่ต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี เพราะอุบัติเหตุอาจทำให้ต้องสูญเสียดวงตาไปตลอดชีวิต วิธีการป้องกันอุบัติเหตุต่อดวงตาที่พบได้บ่อยในวัยทำงานได้แก่

  • สิ่งแปลกปลอมปลิวหรือกระเด็นเข้าตา กรณีเป็นฝุ่นปลิวเข้าตา ห้ามใช้มือขยี้ตา เพราะจะทำให้ฝุ่นฝังแน่นในกระจกตา
ดังนั้น เมื่อมีฝุ่นปลิวเข้าตา ให้หลับตากะพริบตา น้ำตาจะล้างฝุ่นออกจากตาได้ หรืออาจใช้การลืมตาในน้ำสะอาดก็มักทำให้ฝุ่นออกจากตาได้
สำหรับกรณีสิ่งแปลกปลอมที่รุนแรงเข้าตา เช่น การตอกเศษตะปูกระเด็นเข้าตา หรือการถูกสารเคมีกระเด็นเข้าตา โดยทั่วไปในการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุต่อดวงตา ควรใส่อุปกรณ์ป้องกันตาม
มาตรฐาน แต่หากเกิดอุบัติเหตุต่อดวงตาแล้วควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที

  • อุบัติเหตุจากกระจกรถยนต์ เป็นสาเหตุอุบัติเหตุต่อดวงตาที่พบได้บ่อย เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หากผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จะมีโอกาสสูงที่ใบหน้าหรือดวงตาจะพุ่งไปกระทบกับกระจกหน้ารถทำให้กระจกรถบาดดวงตาทำให้ตาบอดได้
ดังนั้น ทุกครั้งที่ขับขี่หรือนั่งโดยสารรถยนต์ ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ เพื่อป้องกันการถูกเศษกระจกรถบาดดวงตา ทำให้ตาบอดได้
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2994&sub_id=4&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด