กรมสุขภาพจิต รณรงค์ป้องกัน โรคติดการพนัน ( Pathological Gambling)


1,452 ผู้ชม


จากการแถลงข่าว เรื่องฟุตบอลยูโร 2012 นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้กล่าวว่า การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ร่วมไปถึงเทศกาลฟุตบอลอื่นๆเช่นฟุตบอลโลก ย่อมได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก และสิ่งที่หนีไม่พ้นคือการพนัน         จากการแถลงข่าว เรื่องฟุตบอลยูโร 2012 นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้กล่าวว่า การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ร่วมไปถึงเทศกาลฟุตบอลอื่นๆเช่นฟุตบอลโลก ย่อมได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก และสิ่งที่หนีไม่พ้นคือการพนัน 

เมื่อมีการพนันก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตอย่างแน่นอน

เนื่องจากเกิดความเครียด ทำให้เกิดความขัดแย้งและการทะเลาะวิวาทขึ้นได้ รวมถึงอาชญากรรมและยาเสพติด และธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ
ทั้ง นี้ จากการสำรวจของกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่สนใจกีฬาฟุตบอล จำนวน 1,133 ตัวอย่าง เรื่อง"คอบอลไทยกับการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012" กรณีการเล่นการพนันฟุตบอล พบว่า 27.5% ระบุคิดว่าจะเล่นพนัน โดยกลุ่มที่ระบุจะเล่นการพนันฟุตบอล เป็นผู้ที่มีอายุ 15-25 ปี มากสุด

10.1%, อายุ 26-35 ปี 8.9%, อายุ 36-46 ปี 5.6% และอายุ 46 ปีขึ้นไป 2.9% สำหรับจำนวนเงินที่คาดว่าจะเล่นพนันแต่ละครั้งพบว่า มากสุด 32.2% ระบุจำนวน 101-500 บาท รองลงไป 22.1% จำนวน 51-100 บาท และ 14.8% จำนวน ไม่เกิน 50 บาท ซึ่งถือเป็นปัญหาที่น่าห่วงและอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรค “ติดพนัน (Pathological Gambling)”

ทั้งผู้ที่เป็นนักพนันอยู่แล้วหรือผู้ที่กำลังจะเป็นนักพนันหน้าใหม่

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ กล่าวต่อว่า โรคติดการพนัน ( Pathological Gambling) เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วยจะไม่สามารถต่อต้านแรงกระตุ้นหรือความอยากของตนเอง จะหมกมุ่นเหมือนกับผู้ป่วยย้ำคิดย้ำทำ ผู้ป่วยติดสุราหรือสารเสพติด ซึ่งกลไกที่ทำให้เกิดความผิดปกติของสมองเหล่านี้จะคล้ายกัน คือ สมองส่วนอยากทำงานเหนือสมองส่วนคิด ผู้ที่ติดการพนันจะควบคุมแรงกระตุ้นที่อยากจะเล่นการพนันไม่ได้ จนส่งผลเสียต่อชีวิตในด้านต่างๆ

สาเหตุสำคัญของโรคติดการพนัน มี 4 ประการ คือ

1. พันธุกรรม จากการศึกษา พบว่า ผู้ป่วยที่ติดการพนันมักมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมร่วมด้วย
2. สังคม สิ่งแวดล้อม ผู้ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้เล่นการพนัน เช่น บ้านเป็นบ่อนการพนันหรืออยู่ในย่านชุมชน เพื่อนบ้าน หรือ เพื่อนฝูงเล่นการพนันมักจะถูกสิ่งแวดล้อมดังกล่าวชักจูงให้เล่นการพนันได้ ง่ายขึ้น
3. สิ่งยั่วยุต่าง ๆ ทั้งจากสื่อมวลชน เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ นิตยสารเฉพาะกลุ่มกีฬาและมีการวิเคราะห์พฤติกรรมหรือเกมการเล่นของแต่ละทีม พร้อมทั้งอาจมีการทำนายแนวโน้มผลการแข่งขันมีส่วนยั่วยุให้คนที่ มีแนวโน้มจะเล่นการพนันอยู่แล้วถูกกระตุ้นให้เล่นการพนัน และผู้ที่เล่นอยู่แล้วเล่นในปริมาณที่มากขึ้น และ
4. ระบบสารเคมีในสมองผิดปกติ คือ เกิดการหลั่งสารโดปามีนในสมองมาก ซึ่งเป็นสารที่ทำให้บุคคลรู้สึกตื่นเต้น เป็นสุข สนุกสนาน ขณะที่สารสื่อประสาทสมอง ชื่อ ซีโรโทนินลดลง ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้บุคคลมีความยับยั้งชั่งใจ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนติดการพนัน อย่างไรก็ตาม สาเหตุทั้ง 4 ข้อนี้ มักจะเกิดควบคู่กันเสมอ
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า การติดการพนันเป็นภาวะที่เกิดร่วมกับการเจ็บป่วยทางจิตอื่นๆสูง ทั้งในด้านที่ป่วยทางจิตเวชแล้วไปติดการพนันเช่น ภาวะซึมเศร้า โรคอารมณ์ 2 ขั้ว หรือ ติดการพนันแล้วมีภาวะซึมเศร้า ติดเหล้า ติดยาเสพติด เป็นต้น ทั้งนี้ จากการศึกษาในนักศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,756 คน อายุเฉลี่ย 20.1 + 1.6 ปี
พบร้อยละ 8 เล่นพนันฟุตบอล 32.7% มีอารมณ์ซึมเศร้าอยู่ในระดับปานกลางถึงรุนแรง และ 10.5% เคยคิดฆ่าตัวตาย

อาการติดการพนัน ได้แก่

1. พนันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำสิ่งที่เสี่ยงมากขึ้น เพื่อรักษาระดับความตื่นเต้น และพยายามให้ได้เงินที่เสียไปกลับคืนมา
2. ไม่สามารถหยุดเล่นการพนันได้ เล่นต่อจนกระทั่งไม่มีเงินเหลือ และ
3.แม้ จะประกาศว่าจะไม่เล่นการพนันแล้ว แต่ยังกลับมาเล่นอีก ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม สำหรับสัญญาณการพนันที่เป็นปัญหา ได้แก่ การเล่นนานกว่าที่ตั้งใจ พนันแบบทุ่มสุดตัวแล้วพยายามเอาคืน โกหกคนในบ้านเกี่ยวกับจำนวนเงินที่เล่น ขาดงาน ขาดการเรียน หรือไปสาย ไม่ทำตามสัญญาที่ให้กับครอบครัว ไม่สนใจด้านอื่นของชีวิตคิดถึงแต่การพนันที่หวังว่าจะได้คืน จะโชคดีได้เงินเยอะ
แนวทางการช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาการพนันจะเริ่ม จากการช่วยกันทบทวนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการพนัน เพราะผู้เล่นอาจพอรู้ว่าตัวเองมีปัญหา แต่ไม่เคยหันมามองปัญหาของตัวเองให้ชัดเจน เมื่อมองปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว จึงจะร่วมกันสร้างแรงจูงใจในการหยุดเล่น ซึ่งมีหลักการในแนวทางเดียวกันกับการรักษาพฤติกรรมเสพติดอื่นๆ คือ การฝึกตั้งเป้าหมายที่ดี การจัดการสิ่งแวดล้อม การฝึกวิธีควบคุมตนเอง การจัดการอารมณ์และความเครียด การมีคนเป็นกำลังใจ ตลอดจนการรู้วิธีให้รางวัลตนเองเมื่อทำได้

ทั้งนี้ โรคติดพนันสามารถรักษาให้หายได้ ด้วยการทำพฤติกรรมบำบัดและการรักษาด้วยยา ผู้ป่วยที่เป็นโรคติดการพนันต้องการกำลังใจจากบุคคลรอบข้างเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยสนับสนุนการรักษาดังกล่าว แต่ทางที่ดี ควรป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ทั้งนี้ สามารถขอรับบริการปรึกษาได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง “ดูบอลให้สนุก ไม่สร้างทุกข์ด้วยการพนัน” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2462&sub_id=71&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด