เป็นเรื่องยากลำบากของคนที่ทำงานออฟฟิศ ที่จะแนะนำให้หาเวลาไปนอนงีบช่วงกลางวัน แล้วค่อยตื่นขึ้นมาทำงาน ในต่างประเทศบางประเทศ ให้ความสำคัญกับการพักงีบช่วงกลางวันเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่เพราะนิสัยเกียจคร้านของพวกเขา เบื้องหลังการพักงีบหรือหลับกลางวัน คือภูมิปัญญาในการดูแลสุขภาพที่ลึกล้ำที่ควรแก่การวิเคราะห์ |
เคยมีคนทดลองให้คน 3 คน เข้าสู่การทดลอง
- คนที่ 1 ไม่ได้ดื่มอะไร
- คนที่ 2 ไม่ให้กินอะไร
- คนที่ 3 ไม่ให้นอนหลับ
แล้วดูผลว่าใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน
ปรากฏว่า คนที่บังคับไม่ให้นอนหลับจะอาการหนักที่สุด แสดงว่าการนอนหลับ มีผลต่อร่างกายจิตใจและชีวิตอย่างมาก เมื่อเทียบกับการขาดอาหาร และน้ำดื่ม
| |
| |
| |
|
- 1.แพทย์แผนจีนกล่าวถึงการนอนหลับในช่วงแปรเปลี่ยนของพลังหยินหยาง คือ ช่วง 23.00-01.00 น. และช่วง 11.00-13.00 น. ว่า จื่อหวู่เจี้ยว
ช่วงเวลาจื่น (23.00-01.00 น.) หลับยาว
ช่วงเวลาหวู่ (11.00-13.00 น.) หลับสั้นๆ
- 2.การหลับสั้นๆ ในช่วงกลางวัน
ช่วงลดภาวะหยางกำเริบ หรือไฟในร่างกายได้ โดยเฉพาะคนที่ปากเป็นแผลร้อนใน อารมณ์หงุดหงิด มีปัญหาการนอนไม่หลับในเวลากลางคืน ควรหาเวลาพักนอนหลับงีบสั้นๆ หรือสงบอารมณ์ผ่อนคลายในช่วงนี้
โดยธรรมชาติช่วงเวลา 11.00-13.00 น. เป็นช่วงที่พลังหยางสูงสุดในรอบวัน และยิ่งถ้าเป็นฤดูร้อน ช่วงที่อากาศร้อนจัด ความร้อนจะลอยสูงสู่เบื้องบน ทำให้เป็นช่วงที่ทำลายหยินของร่างกายได้มากที่สุด หลักการสำคัญของการพักจิตใจ หรือการนอนหลับ คือการนอนเสริมหยิน เพื่อลดความร้อนแรงของหยางนั่นเอง
ถ้ายังทำงานไม่หยุด หรือใช้พลังหยางอย่างต่อเนื่องจะทำให้พลังหยางมากยิ่งขึ้น จะทำลายหยิน และเลือดอย่างมาก
การนอนหลับสั้นๆ ประมาณ 15 นาที 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ตามสภาพเงื่อนไขของแต่ละบุคคล และสภาพการงาน ถ้าไม่มีโอกาสนอนงีบก็ขอให้นั่งเอนงีบหรือปิดตาปล่อยวางจิต ลดการใช้เลือดและพลังหยางของร่างกาย ก็ยังได้ผลดีกว่าไม่พักสงบจิตเลย
- 3.การนอนหลับในช่วงเที่ยง
ลดภาระการทำงานหนักของหัวใจ ลดอัตราการเกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตันเฉียบพลันได้ร้อยละ 30 และเสริมการทำงานที่มีประสิทธิภาพในช่วงตอนบ่าย
- 4.ช่วงเที่ยงวัน ยังต้องพิจารณา เรื่องอาหารมื้อเที่ยงควบคู่กันไปด้วย
ควรพักงีบก่อนกินอาหารเที่ยง หรือควรกินอาหารเที่ยงก่อนพักงีบ
ปกติมักจะพักเที่ยงกันตอน 12.00 น. ตามหลักทฤษฎีแพทย์แผนจีนแล้ว ควรพักจิต หรืองีบหลับก่อนกินอาหาร เพราะเมื่อกินอาหารอิ่มแล้วไปนอนหลับ จะทำให้อาหารมีการย่อยดูดซึมไม่เต็มที่ (ไม่ว่าจะเป็นการกินอิ่มก่อนนอนในช่วงกลางวันหรือกลางคืน) เพราะขณะนอนพักร่างกายจะพักทำงาน ระบบย่อยอาหารจะทำงานน้อยลง จึงควรหาเวลาสั้นๆ พักก่อนไปกินอาหาร หลังกินอาหารเที่ยงควรเดินพักผ่อน เคลื่อนไหวอิริยาบถเบาๆ จึงจะเหมาะสมกว่า
การกินอาหารเที่ยงไม่ควรเกิน 12.30 น. เพราะช่วง 13.00 น. เป็นช่วงส่งผ่านพลังลมปราณ มายังลำไส้เล็ก ซึ่งมีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารของดีขับแยกอาหารและของเสียออกจากกัน เพื่อขับทิ้งสู่ลำไส้ใหญ่ การทำงานของลำไส้เล็กที่ดีจะมีผลต่อการที่ร่างกายได้สารอาหารหล่อเลี้ยงที่สมบูรณ์
ช่วงเวลา 13.00-15.00 น. ร่างกายค่อนข้างทำงานหนัก ด้านหนึ่งพลังหยินกำลังเกิด พลังหยางกำลังลดลง ร่างกายใช้พลังหยางมาตลอดช่วงเช้า บางคนต้องใช้กาแฟ น้ำชา ของเผ็ดร้อน มากระตุ้นระบบประสาทให้ทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ขอแนะนำ ลองปรับเปลี่ยนเป็นวิถีธรรมชาติ ด้วยการหาเวลาหลับงีบสั้นๆ หรือพักจิต หรือปิดตาผ่อนคลายในช่วงสั้น ๆ ระหว่างเวลา 12.00-13.00 น. ก่อนไปกินอาหาร จะทำให้อาการอ่อนล้าในช่วงบ่ายดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องกระตุ้นด้วยกาแฟ เพราะเป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติ
- 5.การนอนช่วงกลางวัน ไม่ควรยาวเกินหรือนานเกินไป
เพราะจะไปรบกวนธรรมชาติของร่างกาย ทำให้วงจรนาฬิกาชีวิตแปรปรวนได้ เช่น เวลาที่ควรจะง่วงและนอนกลางคืนกลับไม่ง่วง ทำให้นอนดึก ตื่นสาย กินอาหารไม่ตรงตามเวลาที่เหมาะสม
ช่วงหน้าร้อน กลางวันยาว กลางคืนสั้น การนอนช่วงกลางวัน ควรยาวกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อเก็บสะสมหยินให้มากพอ
ช่วงหน้าหนาว กลางวันสั้น กลางคืนยาว การนอนหลับ ช่วงกลางวันไม่ควรจะยาว เพราะต้องเก็บพลังหยางให้พอ
- 6.อาหารมื้อเที่ยง ไม่ควรอิ่มเกินไป
เพราะร่างกายต้องใช้พลังมาบำรุงเลี้ยงในการย่อยมาก
- 7.ถ้าไม่มีโอกาสหลับหรืองีบ
ให้ปิดตาพักจิตใจในเวลาสั้นๆ (การปิดตาคือการเสริมหยินและเสินจิตประสาทสมอง) ลดการกระตุ้นจากภายนอก ทำให้จิตสงบ
การยึดกุมโอกาส คือความสำเร็จ
วิธีธรรมชาติ ถ้าเรารู้จักกฎเกณฑ์ของธรรมชาติเป็นอย่างดี เราสามารถหยิบโอกาสต่างๆ มาได้อย่างง่ายดาย ในทางตรงข้าม เวลาและโอกาสที่ผ่านไปสำหรับคนจำนวนมาก มองไม่เห็น เข้าไม่ถึง ได้แต่หยิบฉวยความว่างเปล่า ให้โอกาสและกาลเวลาผ่านไปอย่างน่าเสียดาย
เคล็ดลับการนอนหลับโดยเฉพาะช่วงกลางคืน และการพักงีบสั้นๆ ช่วงกลางวันเป็นภูมิปัญญาที่ลึกล้ำ ที่เหมาะกับการนำมาดูแลสุขภาพได้โดยไม่ต้องหายจากภายนอกแพทย์แผนจีนกล่าวไว้ว่า "บำรุงด้วยยา ไม่ดีเท่าการบำรุงด้วยอาหาร การบำรุงด้วยอาหาร ไม่ดีเท่าการบำรุงด้วยการนอนหลับ"
กล่าวให้ถึงที่สุด การนอนหลับเป็นยาบำรุงชั้นดีของตับและไต
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2241&sub_id=4&ref_main_id=2
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2241&sub_id=4&ref_main_id=2