สัญญาณเตือนภัย เรื่องภายในของผู้หญิง


890 ผู้ชม


บางครั้งคนเราก็ลืมที่จะดูแลตัวเอง ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็จะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ การที่จะไปพบหมอเพื่อตรวจร่างกายประจำปี โดยเฉพาะเรื่องตรวจภายในน่ะหรือ? ลืมไปได้เลย         บางครั้งคนเราก็ลืมที่จะดูแลตัวเอง ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็จะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ การที่จะไปพบหมอเพื่อตรวจร่างกายประจำปี โดยเฉพาะเรื่องตรวจภายในน่ะหรือ? ลืมไปได้เลย 
บางครั้งคนเราก็ลืมที่จะดูแลตัวเอง ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็จะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ การที่จะไปพบหมอเพื่อตรวจร่างกายประจำปี โดยเฉพาะเรื่องตรวจภายในน่ะหรือ? ลืมไปได้เลย! แต่ถ้าสังเกตได้ว่ามีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณแล้วล่ะก็ อย่าได้นิ่งนอนใจรอลุ้นว่าแล้วมันจะหายไปเองเมื่อไร 
เพราะนั่นเป็นสัญญาณเตือนที่บอกว่าปัญหามีจนเริ่มออกอาการให้เห็นแล้ว 
เลิกรีรอแล้วรีบพาตัวเองไปหาหมอโดยด่วน!
เลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก
  ไม่ว่าจะอายุเท่าไร ถ้ายังมีประจำเดือนอยู่ ประจำเดือนควรจะมาเป็นรอบ ครั้งละไม่เกิน 7-10 วัน ระยะห่างจากวันแรกของครั้งหนึ่งถึงวันแรกของอีกครั้งหนึ่งไม่ควรเร็วกว่า 21วัน ถ้ามันมาเร็วไปกว่านี้ หรือมากระปริดกระปรอย มาๆ หยุดๆ ไม่เป็นเรื่องราว หรือมามากเสียจนทะลักล้น มีเลือดเป็นก้อน หรือมาเกิน 10วันแล้วก็ยังไม่หยุดเสียที ....อย่างใดอย่างหนึ่งในอาการใดๆ เหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับคุณ เป็นสัญญาณบอกว่าคุณควรไปพบหมอได้แล้ว อย่าลืมนำบันทึกประจำเดือนไปให้หมอดูด้วย
 
สัญญาณนี้บอกถึงอะไร :
ในวัยเจริญพันธุ์ ปัญหาเรื่องนี้มักจะเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์เป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่ามีการตั้งครรภ์เลย เช่น อาจเป็นเรื่องของแท้ง ท้องนอกมดลูก หรือถ้าทราบว่ามีการตั้งครรภ์แล้ว การแท้ง มีรกเกาะต่ำ หรือคลอดก่อนกำหนด ก็จะมีอาการเลือดออกผิดปกติได้
 
ถ้าปัญหานี้เกิดในวัยใกล้หมดประจำเดือน อย่าละเลยและเหมาเอาว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นเมื่อใกล้หมดประจำเดือน 
โดยไม่ตรวจค้นหา เพราะอาการเลือดออกอาจเป็นอาการแสดงของมะเร็งที่มดลูกได้แม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม 
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรู้ให้แน่ว่าไม่ได้เป็นจากเหตุนี้ก่อนที่จะสรุปว่าเป็นเรื่องของฮอร์โมนที่เริ่มลดลงในวัยใกล้หมดประจำเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่หมดประจำเดือนไปแล้วไม่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ฮอร์โมนชด เชยก็ตามและมีเลือดออกผิดปกติถือว่าต้องรีบมาพบหมอเพื่อค้นหาโดยด่วน การจะรู้ว่าเป็นจากเหตุใดนั้นก็ต้องดูจากเนื้อเยื่อของเยื่อบุโพรงมดลูกซึ่งได้จากการขูดมดลูกนั่นเอง
มีของเหลวอื่นใดนอก เหนือไปจากมูกใสๆ ไหลออกมาจากช่องคลอด หรืออาจมีอาการคันรอบช่องคลอดร่วมด้วย
  อาการนี้เรียกกันว่าตกขาว แต่บางครั้งสิ่งที่ไหลออกมาก็ไม่ได้มีสีขาว ไม่ว่าจะสีเหลือง เขียว สีคล้ำช้ำเลือดช้ำหนอง หรือมีเลือดจางๆ ปนเปื้อน ยิ่งถ้ามีกลิ่นไม่ค่อยดี หรือจะมีอาการคัน แสบที่ปากช่องคลอดหรือไม่ก็ตาม ก็ควรรีบไปพบหมอ
 
สัญญาณนี้บอกถึงอะไร :
ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการอักเสบติดเชื้อที่ช่องคลอด แต่เพราะเชื้อที่ทำให้เกิดการอักเสบนั้นมีได้ตั้งแต่ เชื้อรา เชื้อแบคทีเรียมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นหนองใน หนองในเทียม คลาไมเดีย ฯลฯ หรือพยาธิทริโฆโมแนส แล้วจะรู้ได้ว่าเป็นจากอะไร? ก็ต้องตรวจภายในและเอาตกขาวไปตรวจทางห้องปฏิบัติการจึงจะรู้ชัดว่ามาจาก เชื้อตัวไหน ยาที่ใช้ก็จะแตกต่างกันไปตามแต่เชื้อที่เป็นสาเหตุ ดังนั้นการจะลองเอายาไปใช้ก่อนตรวจนั้น อาจทำให้การประเมินผลหลังการรักษาถ้ามีปัญหาว่าไม่ดีขึ้นทำได้ยาก และอาจเป็นสาเหตุให้เชื้อดื้อยาได้ 
  นอกจากนี้อาการตกขาวหรือมีเลือดปน อาจเป็นอาการบ่งบอกถึงมะเร็งปากมดลูกด้วยก็ได้ แต่เรื่องของมะเร็งปากมดลูกนั้นสามารถค้นหาได้ก่อนที่จะมีอาการใดๆ แม้เพียงเซลล์ปากมดลูกเริ่มผิดปกติเราก็สามารถค้นเจอและรีบรักษาก่อนจะ ลุกลามไปเป็นมะเร็งได้ถ้าตรวจ pap test ทุกปี
คัน แสบร้อนที่ปากช่องคลอด จะมีแผลหรือไม่มีก็ตาม
 
อาการคัน หรือแสบร้อนที่ปากช่องคลอด โดยเฉพาะเวลาน้ำปัสสาวะมาเปื้อนตอนถ่ายปัสสาวะ อาจมีแค่ผิวแดง หรือมีผื่น 
แผล ตุ่มน้ำ แผลแตก หรือแผลตื้นมีหนอง อาจจะมีตกขาวร่วมด้วยก็ได้ ถ้าคุณมีอาการนี้คงไม่ต้องบอกว่าควรไปหาหมอ 
เพราะทุกคนที่มีอาการนี้ก็มักจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
 
สัญญาณนี้บอกถึงอะไร :
เรื่องปากช่องคลอดอักเสบ อาจเกิดจากการแพ้สารใดๆ ก็ตาม เช่น ยา ผ้าอนามัย สบู่ น้ำหอม ถุงยาง ฯลฯ หรือจากการเสียดสีนานๆ เช่น ขี่ม้า จักรยาน หรือเกิดจากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นจากเชื้อรา แบคทีเรีย หรือไวรัสตัวเอก คือ เฮอร์ปีส์ หรือที่เรียกว่าเริมก็ได้ การรักษาก็แตกต่างกันไปตามสาเหตุที่ทำให้เกิด
ปวดท้องน้อย
 
เวลามีประจำเดือน เป็นเรื่องธรรมดามากที่จะมีอาการตื้อๆ หนักๆ ในท้องน้อย (บริเวณที่ต่ำกว่าสะดือลงมาถึงหัวเหน่า) 
ถ้ากินยาแก้ปวดแล้วอาการดีขึ้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ แม้จะเป็นทุกครั้งที่มีประจำเดือน แต่ถ้าปวดมากขึ้นเรื่อยๆ 
ในแต่ละเดือนที่ผ่านไป และใช้ยาแก้ปวดมากขึ้น หรือต้องปรับยาเป็นตัวที่มีฤทธิ์แรงขึ้นแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นก็ควรต้องตรวจภาย
ในเพื่อหาสาเหตุ 
แต่ถ้ารู้สึกปวดท้องน้อยนอกเหนือจากเวลามีประจำเดือนโดยเฉพาะถ้าเป็นทันที ทันใดโดยที่อาการปวดไม่หายไป และโดยเฉพาะถ้าปวดมากขึ้น จะมีไข้หรือไม่มีไข้ร่วมด้วยก็ตาม ส่วนใหญ่ไม่ต้องบอกให้มาหาหมอ คนปวดก็มักทนไม่ไหวต้องมาหาหมออยู่ดี
 
สัญญาณนี้บอกถึงอะไร :
เรื่องปวดท้องมากขึ้นเวลามีประจำเดือนอาจเป็นเรื่องของเยื่อบุโพรงมดลูก เจริญนอกเหนือจากในมดลูก เช่น ในรังไข่ ในช่องท้อง หรือในเนื้อมดลูก เรียกกันว่า endometriosis หรือ ช็อกโกแลตซีสต์ นั่นเอง การให้การรักษาจะเป็นคนละเรื่องกับการรักษาอาการปวดประจำเดือนธรรมดา ส่วนการปวดท้องน้อยอื่นๆ ที่กล่าวข้างต้น อาจเป็นเรื่องของการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ท้องนอกมดลูก การมีเนื้องอกรังไข่บิดหมุนหรือแตก ก็ได้ จำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุ
ท้องบวมอืด ท้องตึงแน่นในอุ้งเชิงกราน 
 
หรือคลำได้ก้อนในท้องน้อย กินอาหารไม่ค่อยลง อิ่มอืดอึดอัดท้องเร็วขึ้น การขับถ่ายอุจจาระยากขึ้น ถ่ายปัสสาวะก็ยากขึ้น 
หรือต้องถ่ายบ่อยขึ้นโดยที่ปริมาณปัสสาวะยังไม่มากเท่าเดิมที่จะทำให้ปวด ปัสสาวะเหมือนเมื่อก่อน
อาการรวมๆ กันนี้แม้ไม่มีอะไรบ่งชัดเจนว่าจะเป็นเรื่องผิดปกติจริงหรือ? หรือจะเป็นเรื่องของระบบร่างกายระบบใดกันแน่ น้ำหนักขึ้น กินผิดประเภทที่เคย หรือเพราะอารมณ์ ฯลฯ ล้วนทำให้มีอาการเหล่านี้ได้ แต่ถ้าเป็นอยู่นานเกิน 3 สัปดาห์ไม่มีทีท่าว่าจะหาย อีกทั้งผอมลง ก็ไม่ควรรอช้า ไปปรึกษาหมอจะดีกว่า
 
สัญญาณนี้บอกถึงอะไร :
อาการเหล่านี้โดยเฉพาะหากเกิดในคนอายุเกิน 45 ปีอาจต้องนึกถึงเรื่องของมะเร็งรังไข่ไว้ด้วยเสมอ อันที่จริงถ้าตรวจภายในทุกปีเป็นอย่างน้อย ถ้าหมอค้นพบว่ารังไข่โตกว่าปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็มักจะทำการค้นหาและติดตามต่อเนื่องว่าจะมีปัญหาเรื่องของเนื้องอกหรือมะเร็งหรือไม่ ถ้ามะเร็งรังไข่โตจนมีอาการหลายๆ อย่างดังกล่าวมาแล้ว ก้อนเนื้องอกก็มักจะโตมากจนไปกดท่อทางเดินอุจจาระและกระเพาะปัสสาวะให้ อุจจาระลำบากและเบียดกระเพาะปัสสาวะให้มีเนื้อที่ความจุน้อยลงจนต้องถ่าย บ่อยขึ้น หรือก้อนเนื้องอกอาจโตจนไปเบียดกระเพาะอาหารให้กินได้น้อยลง หรืออาจเลวร้ายถึงขั้นมะเร็งลุกลามให้มีน้ำในช่องท้องก็ได้
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2224&sub_id=103&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด