มะเร็งหายได้ อ่าน มะเร็งหัวเราะ


995 ผู้ชม


ช่วงน้ำท่วมนี้คนคงป่วยเป็นมะเร็งกันมาก ไม่ใช่มะเร็งไหน แต่เป็นมะเร็งที่จิตใจ จากผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม..มีผู้ป่วยโรคมะเร็งและเข้ารับการรักษาจนหายดีคนหนึ่ง ชื่อ ซ่าส์ หมาว้อ ศิลปินคนดัง          ช่วงน้ำท่วมนี้คนคงป่วยเป็นมะเร็งกันมาก ไม่ใช่มะเร็งไหน แต่เป็นมะเร็งที่จิตใจ จากผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม..มีผู้ป่วยโรคมะเร็งและเข้ารับการรักษาจนหายดีคนหนึ่ง ชื่อ ซ่าส์ หมาว้อ ศิลปินคนดัง 

หัวใจไม่จมน้ำ..ซ่าส์ หมาว้อ   อนุศักดิ์ จังกาจิตต์ 

 
ช่วงน้ำท่วมนี้คนคงป่วยเป็นมะเร็งกันมาก ไม่ใช่มะเร็งไหน แต่เป็นมะเร็งที่จิตใจ จากผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม...มีผู้ป่วยโรคมะเร็งและเข้ารับการรักษาจนหายดีคนหนึ่ง ชื่อ ซ่าส์ หมาว้อ ศิลปินคนดัง เจ้าของฉายา "ราชัน 1,000 หน้า" ต้นตำรับเพลงแปลงเปลี่ยนหน้า เขาได้เขียนไว้ในคำนำหนังสือ “มะเร็งหัวเราะ” พ็อกเก็ตบุ๊กเล่มแรกในชีวิตของเขา โดยเวิร์คพอยท์สำนักพิมพ์ ที่เล่าเรื่องราวตั้งแต่ก่อนจะรู้ว่าตนเป็นมะเร็งจนถึงหลังการเข้ารับการรักษาจนหายขาด หลังจากผ่านช่วงความเป็นความตายมา คงจะมีอะไรอีกที่จะแย่ไปกว่านี้ เขาเชื่อว่าหากอดทนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ชีวิตก็จะมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้น
เขาได้เขียนไว้ในคำนำหนังสือ “มะเร็งหัวเราะ” พ็อกเก็ตบุ๊กเล่มแรกในชีวิตของเขา โดยเวิร์คพอยท์สำนักพิมพ์ ที่เล่าเรื่องราวตั้งแต่ก่อนจะรู้ว่าตนเป็นมะเร็งจนถึงหลังการเข้ารับการรักษาจนหายขาด ได้บอกไว้ว่า 
 “ขอบคุณ ‘มะเร็ง’ ที่มาเยือน มันทำให้ผมขับเคลื่อนชีวิตอย่างมีชีวาขึ้นมาอีกคราหนึ่ง โชคร้ายมันคืบคลานมาก่อนโชคดี ถ้าผมไม่มีโรคนี้ ผมอาจไม่มีวันนี้ก็ได้” 
          หลังจากผ่านช่วงความเป็นความตายมา คงจะมีอะไรอีกที่จะแย่ไปกว่านี้ เขาเชื่อว่าหากอดทนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ชีวิตก็จะมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้น
 ปัจจัยที่เขาเชื่อว่าเป็นยาใจขนานดีที่ช่วยเยียวยาให้เขาหายจากโรคมะเร็งได้คือ น้ำใจที่รับจากคนรอบข้าง ระหว่างที่ป่วยเพื่อนฝูง ญาติมิตรหลั่งไหลมาเยี่ยมไม่ขาดสาย ไถ่ถามอาการ ให้กำลังใจ หรือแม้แต่ช่วยเหลือด้านค่ารักษาพยาบาล โดยเฉพาะ "แอ๊ด คาราบาว" เพื่อนรักของเขา ที่ควักน้ำใจใส่ซองมาให้ ทำให้เขามีกำลังใจฮึดสู้กับโรคมะเร็งอย่างเต็มที่
          นอกจากนี้ ยาดีที่สำคัญที่สุดที่ ซ่าส์ หมาว้อ อยากจะเน้นก็คือ "เสียงหัวเราะ" อันเป็นการรักษาตนเองด้วยตนเอง ทำให้มีความสุข ผ่อนคลาย มีกำลังใจ แสวงหาสิ่งที่ทำให้มีความสุข สบายใจ เคล็ดลับง่ายๆ คือ มองสิ่งรอบข้างๆ รอบตัวให้กลายเป็นขำขัน หรือหากไม่รู้ว่าจะทำเรื่องเครียดๆ ให้เป็นเรื่องขบขันอย่างไร ซ่าส์ หมาว้อ ได้แนะนำให้ลองหาหนังสือ “มะเร็งหัวเราะ” มาอ่านดู มีวางจำหน่ายแล้วที่เซเว่นอีเลฟเว่น
          บทเรียนจากชีวิตของ ‘ซ่าส์ หมาว้อ’ จึงเป็นบทเรียนเรื่องโรคมะเร็งที่น่าศึกษาบทหนึ่ง ที่บอกเล่าผ่านเสียงหัวเราะ ความสนุกหรรษา เข้าใจง่าย ! 
          คืนวันที่ 2 ตุลาคม 2552 ซ่าส์ หมาว้อ ถูกหามส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หมอได้วินิจฉัยว่ามีบางสิ่งกีดขวางทำให้ลำไส้ใหญ่อุดตัน ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็รู้ตัวดีว่ามีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ บ้างท้องเสีย บ้างอืด ถ่ายไม่ออก ทุรนทุรายมาก ไม่นึกไม่ถึงว่าอาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนของ ‘โรคมะเร็ง’
หมอตัดสินใจผ่าตัดเปิดทวารทางหน้าท้องเพื่อช่วยชีวิต ซ่าส์ หมาว้อ ต้องทนกระเตงลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่โผล่แพลมขึ้นมาบนหน้าท้อง และต้องใช้ชีวิตผิดแผกออกไปจากคนธรรมดา เพราะ ซ่าส์ ต้องขับถ่ายทางหน้าท้อง 
          หลังออกมาพักฟื้นที่บ้าน ซ่าส์ ยังคงเข้าใจว่าเป็นโรคลำไส้อุดตัน แต่เมื่ออาการเจ็บป่วยเริ่มทวีความรุนแรง เขาก็เริ่มสงสัยว่าตัวเองอาจจะเป็นมะเร็ง แต่ยังไม่เชื่อ เพราะโดยปกติเขาไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ติดอยู่ตรงที่เป็นมนุษย์งาน ทำงานและกินอาหารไม่เป็นเวลา นิยมกินไขมัน เนื้อสัตว์ ยิ่งเนื้อติดมันยิ่งชอบ ผักหรือผลไม้ไม่เคยแตะ เป็นริดสีดวงมาแล้ว 3 หน...เสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ทั้งนั้น
          เขาไม่เก็บความสงสัยเอาไว้ แต่ตรงเข้าไปถามหมอแบบตรงไปตรงมาว่า “หมอ ผมเป็นมะเร็งใช่ไหม?” หมอตกใจกับคำถาม เพราะคนไข้ทั่วไปมักปฏิเสธจะได้ยินว่าตนเองเป็นมะเร็ง และเมื่อให้คำตอบกลับไปว่า “ใช่ คุณเป็นมะเร็งระยะที่ 2 แล้ว” กลับไม่มีท่าทีโศกเศร้าหรือคลุ้มคลั่งจากคนไข้รายนี้เลย 
          คนไข้คนนี้ช่างมีกำลังใจที่ดีและยอมรับความจริงได้เป็นอย่างดี ซ่าส์ เข้ารับการผ่าตัดเฉือนก้อนเนื้อร้ายทิ้ง และตัดสินใจไม่รับการฉีดยาเคมี (คีโม) แต่เลือกจะรับประทานยาเคมี แม้จะหายช้ากว่า แต่ร่างกายก็ไม่บอบช้ำมาก
          ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี โชคดีที่มะเร็งรีบกำเริบขึ้นมาก่อนที่จะลุกลามไปใหญ่โต ทำให้เข้ารับการรักษาได้ไม่สายเกินไป อีกความโชคดีคือ ซ่าส์ หมาว้อ แม้จะไม่มีลูกเมียมาดูแลใกล้ชิด แต่ก็เป็นคนที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในวงการและนอกวงการรักใคร่ ซ่าส์ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ทั้งหมั่นมาเยี่ยมมาหาให้กำลังใจ หรือจัดโบว์ลิ่งการกุศลเพื่อหาเงินช่วยค่ารักษาพยาบาล 
          แอ๊ด คาราบาว เพื่อนรักของซ่าส์ และเป็นหนึ่งในฝาแฝดเหมือนกัน แอ๊ดได้ช่วยค่ารักษาพยาบาล ทั้งโดยตรงและผ่านมูลนิธิคาราบาว เพื่อศิลปินอาวุโสและศิลปินที่เจ็บป่วย
          ระหว่างการรักษาอย่างต่อเนื่อง ซ่าส์ต้องเทียวไปเทียวมาโรงพยาบาลอยู่นานนับปี ไหนจะต้องรับยาเคมีที่ออกฤทธิ์ต้านมะเร็งที่ทำให้เจ็บปวดไม่ใช่เล่น ไหนจะต้องแบกทวารเทียมไปมา ขับถ่ายก็ยุ่งยากกว่าคนปกติ ทุกสิ่งทุกอย่างชวนให้เขาท้อแท้ สิ้นหวัง 
          แต่...เขาได้ทำให้สิ่งที่แตกต่างจากผู้ป่วยทั่วไปที่มักจะนอนอยู่เฉยๆ ฟุ้งซ่าน เพ้อเจ้อ แต่ซ่าส์กลับตะลอนทัวร์ขึ้นร้องเพลง แสดงละคร ออกงานอีเวนท์ เงินมากน้อยไม่ว่า แต่ขอให้ได้โชว์ได้ร้องได้แสดงออก และได้ทำในสิ่งที่เขารัก 
          "การได้ออกไปพบกับผู้คน ออกไปทำงานนี่ดีนะ ไม่ต้องจดจ่อกับความเจ็บป่วยของตน แล้วเราจะลืมไปเองว่าเราป่วยอยู่" นี่แหละเคล็ดลับของเขา
          ซ่าส์ หมาว้อ ในปัจจุบัน หลังเว้นว่างจากการไปตรวจสุขภาพ เอกซเรย์ และเล่นตลกให้คุณหมอ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล และพนักงาน เขาจะตระเวนออกงานให้ร่างกายและจิตใจได้กระปรี้กระเปร่า ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร งดไขมัน งดเนื้อสัตว์ หันมากินสมุนไพรและผักริมรั้วครัวไทย 
 หลายเดือนผ่านล่วงสู่เดือนสิงหาคม ผลการรักษาก็เป็นที่น่าพึงพอใจอย่างไม่น่าเชื่อ
          คุณหมอนัดซ่าส์มาผ่าตัดปิดแผล นำลำไส้กลับเข้ากรุและเชื่อมต่อให้สามารถใช้ทวารอย่างคนปกติสามัญ ในรอบนี้ซ่าส์กลับออกมาอย่างคนปกติ ไม่ได้มีลำไส้อยู่หน้าท้องแล้ว ไม่ต้องถ่ายผ่านทวารเทียม และไม่ต้องเจ็บปวดจากการรักษา เรียกได้ว่า "หายขาด"
          เขากลายเป็นรุ่นพี่ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่รักษาหายแล้ว คอยตามเยี่ยมเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เข้ารักษาโรคมะเร็ง อาทิ ลุงยุ้ย ลุยสวน ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ให้กำลังใจและแนะนำวิธีรักษาโรคมะเร็งโดยใช้ศิลปะของการหัวเราะ
 รวมทั้งจับปากกาถ่ายทอดประสบการณ์ตั้งแต่ก่อนจะรู้ว่าป่วย จนถึงป่วยหนักเจียนตาย รอดชีวิตหวุดหวิด จนถึงหายดีหายขาด เผยทุกกลยุทธ์ที่ทำให้เขาหายจากโรคมะเร็งลงใน ‘มะเร็งหัวเราะ’ เป็นวิทยาทานและกำลังใจให้ผู้ท้อแท้สิ้นหวัง หรือกำลังต้องฮาถึงไส้ 
          "ผมระลึกเสมอ ไม่เคยเลือน ขอบคุณ ‘มะเร็ง’ ที่มาเยือน มันทำให้ผมขับเคลื่อนชีวิตอย่างมีชีวาขึ้นมาอีกคราหนึ่ง โชคร้ายมันคืบคลานมาก่อนโชคดี ถ้าผมไม่มีโรคนี้ ผมอาจไม่มีวันนี้ก็ได้ เพราะโอกาสแบบนี้ ไม่ได้เดินผ่านหน้าผมบ่อยนัก อนาคต เรามองไม่เห็น เราไม่อาจล่วงรู้ได้ว่า พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต... 
          ตอนนี้ผมพอมีแรงแล้ว จิตอาสาที่เกิดอยู่ในตัวผมเสมอ ผมก็ไปช่วยผู้อพยพน้ำท่วมเกือบทุกวัน เดินไปบ้าง ขึ้นรถเมล์ไปบ้าง ขี่จักรยานบ้าง ถ้าไกลหน่อยก็ติดรถทหารไป ไปร้องเพลง วาดรูป เล่นตลก เรียกเสียงฮาเสียงหัวเราะให้ผู้ที่รอยยิ้มหายากในช่วงนี้ ไม่เหนื่อยครับ ไม่มีท้อถอย เพื่อไปมอบกำลังใจให้ทุกคน หัวใจผมไม่มีวันจมน้ำครับ“ เป็นเสียงปิดท้ายจากศิลปินผู้เปี่ยมอารมณ์ขันและมาดมั่น
           (ภาพหน้าปกหนังสือ มะเร็งหัวเราะ มีวางจำหน่ายแล้วที่ Book Smile โดย 7-eleven)
ที่มา   https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1998&sub_id=95&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด