เทคนิค วิธีการบริหารเวลา


804 ผู้ชม


ใครที่คิดว่าตัวเองไม่ค่อยมีเวลาหรือยังหาวิธีการบริหารเวลาของตัวคุณไม่ค่อยจะได้ วันนี้ขอนำเสนอ เทคนิค วิธีการบริหารเวลา          ใครที่คิดว่าตัวเองไม่ค่อยมีเวลาหรือยังหาวิธีการบริหารเวลาของตัวคุณไม่ค่อยจะได้ วันนี้ขอนำเสนอ เทคนิค วิธีการบริหารเวลา "ให้อยู่หมัด" มาฝากคุณๆ การบริหารนี้ จะช่วยให้การจัดการเวลาของคุณๆ ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ 

เพราะบางคนมักจะคิดว่าตัวเองนั้น ไม่ค่อยมีเวลา เวลาไม่พอ หรือ รู้สึกเร่งรีบ จนเป็นเหตุให้ความเครียดมาเยือนตัวคุณ ฉะนั้นลองมาหาทางออกนำมาฝากกันกับ เทคนิค วิธีการบริหารเวลา กันดีกว่าค่ะ เพื่อที่คุณๆ ทุกคนจะได้บริหารเวลาให้ทำงานได้เสร็จทันเวลามากยิ่งขึ้น หรือ สามารถจัดสรรคเวลากันได้อย่างมากยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ รับรองว่าด้วย เทคนิค วิธีการบริหารเวลา นี้ยังจะช่วยให้คุณมีโอกาสที่จะมีเวลาเหลือในการพักผ่อนส่วนตัวอีกด้วยค่ะ ฉะนั้นแล้วคุณๆ มาดู เทคนิค วิธีการบริหารเวลา นี้ไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ

ตามคำคมของเบนจามิน แฟลงคิน นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลกที่กล่าวเอาไว้ว่า “เวลาคือเงิน” ถึงใครจะเถียงว่าเงินซื้อควาสุขไม่ได้ แต่เงินก็เป็นปัจจัยหลักที่เอื้อให้เราอยู่ได้อย่างมีความสุขเช่นเดียวกับเวลา ถ้าเราใช้ไม่เป็นก็เหมือนกับทำของมีค่าหล่นหาย บางคนคิดว่าเก็บไว้อย่างดีแล้วก็ยังถูกขโมยเวลาไปจนได้ มีบางคนพูดไว้อย่างน่าคิดว่า เวลาคือของขวัญ เพราะเหตุนี้จึงเรียกปัจจุบันว่า “Present” ทุกคนรู้ดีว่าเวลามีค่าแค่ไหน แต่ก็ยังเผลอทำหายอยู่บ่อยๆ ที่ว่า” โอ๊ย...ไม่มีเวลาหรอกงานเยอะจะตาย…ไม่ว่างหรอก ไม่มีเวลา...ต้องเคลียร์งานก่อน” คนส่วนมากมักรู้สึกว่าตัวเองไม่มีเวลา แม้จริงแล้วเคล็ดลับอยู่ที่การบริหารเวลานั่นเองฟังดูเหมือนยากแต่ถ้ารู้จักบริหารเวลาให้ดีก็สามารถที่จะหาเวลาเพิ่มได้ เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างและเริ่มปฏิบัติอย่างจริงจังคุณจะมีเวลาเพิ่มขึ้นลองเริ่มด้วย 
9 เทคนิค วิธีการบริหารเวลา
1. จดบันทึกการใช้เวลาในแต่ละวัน
การบริหารเวลาควรเริ่มต้นจากการสำรวจตัวเองก่อนว่าในแต่ละวันนั้นได้ใช้เวลาในการทำกิจกรรมอะไรบ้าง โดยการจดบันทึกเวลาและการทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวันติดต่อกันประมาณ 3 วัน แล้วลองคำนวณดูว่าได้ใช้เวลาไปกี่ชั่วโมงกับการนอน การกิน การทำงาน การเดินทาง การออกกำลังกาย การอยู่คนเดียวเงียบๆ การใช้เวลาสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและการใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ลองพิจารณาดูว่าเวลาที่ใช้ในการทำกิจกรรมเหล่านี้สมดุลแล้วหรือยังได้เสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมากน้อยแค่ไหนและบ่อยแค่ไหนที่คิดจะทำอะไรแล้วก็รีรอผัดผ่อนไปทำอย่างอื่นก่อนงานที่ควรจะเสร็จจึงไม่เสร็จเสียทีควรจะต้องปรับปรุงเวลาในเรื่องใดให้มากขึ้นหรือน้อยลง
2. วางแผนงานล่วงหน้า
ในแต่ละวันจะมีเวลาสำหรับการทำงานประมาณ 6-8 ชั่วโมง จึงควรตั้งใจทำงานให้เต็มที่ โดยวางแผนการทำงานล่วงหน้าว่าในวันนั้นจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วพรุ่งนี้จะต้องทำอะไรจัดลำดับความสำคัญของงาน เลือกทำงานที่สำคัญและเร่งด่วนก่อน ทำงานที่คิดว่ายากก่อนในช่วงเช้าเพราะเป็นช่วงที่ร่างกายยังสดชื่น รู้จักแบ่งงานชิ้นใหญ่ให้เป็นชิ้นย่อยๆ ถ้าเป็นหัวหน้างานควรแบ่งงานให้ลูกน้องหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรับไปทำอย่างเท่าเทียมกันเพื่อความยุติธรรม และอย่างหวงงาน อย่าคิดว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ ค่อยๆ สอน และค่อยๆ ฝึก เขาย่อมทำได้ในวันหนึ่งและเราก็จะสบายขึ้นด้วย เมื่อทำงานติดต่อกันประมาณ 2 ชั่วโมงควรพักสมองโดยการเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง และควรพยายามทำงานให้เสร็จที่ที่ทำงาน ไม่จำเป็นอย่าเอางานกลับไปทำที่บ้านเพราะจะรบกวนเวลาสำหรับตนเองและครอบครัว
3. เพิ่มเวลา
ถ้ารู้สึกว่าเวลามีไม่พอควรหาเวลามาเพิ่ม เช่น ตื่นให้เช้าขึ้นหรือย้ายมาพักใกล้ที่ทำงานเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง เป็นต้น ลองสังเกตผู้ร่วมงานดูบ้างว่าแต่ละคนมีวิธีการบริหารเวลาอย่างไร ลองเรียนรู้จากผู้ที่บริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเครียดน้อยลงก็ได้
4. ตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์
ให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ว่าคุณจะทำอะไร เพื่ออะไร ปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จ คือ การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนจดไว้กันลืมแล้วลงมือทำทันที จำไว้ว่าถ้าจะยิงปืนให้เข้าเป้าก็จำเป็นต้องเล็งให้ดีซะก่อน เมื่อโฟกัสถูกจุดแล้วก็ต้องรู้ว่าทำอะไรบ้างจึงจะไปถึง เคล็ดลับการอยู่ที่การมี “แผน” ที่ดีอยู่กับตัวทั้งระยะสั้นและระยะยาวว่าคุณต้องทำอะไรบ้างตั้งแต่วันนี้ สัปดาห์นี้ จนถึงตลอดทั้งปีนี้ แผนที่ดีคือต้องรู้ปัญหาของงานแต่เนิ่นๆเพื่อที่จะหาทางแก้ได้ทันท่วงที
5. สร้าง To-Do-List
เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่งเรียงลำดับก่อนหลังของงานที่จะทำเอาไว้ก่อนแล้วเชื่อและบังคับตัวเองให้ทำตามนั้น เป็นการไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเสียเวลาเที่ยวเล่นไปกับเรื่องหยุมหยิมทั้งหลายแหล่ ว่ากันว่า คนที่ประสบความสำเร็จน่ะเขาโน๊ตไว้ทั้งนั้น ว่าอะไรที่ควรทำก่อนหลังแต่ถ้ามีเรื่องด่วนแทรกเข้ามาก็สามารถปรับให้ยืดหยุ่นได้
6. มีแฟ้มงาน
อย่าปล่อยให้ความคิดกระจัดกระจายรีบเก็บๆๆๆ เข้ามาใส่ในแฟ้มซะ เอกสารก็เหมือนกันถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องก็จับมันมาเก็บใส่แฟ้มงานเดียวกัน เพื่อไม่ให้ความคิดของคุณเตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหน โต๊ะรกๆ ไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่ามาอ้างว่าโต๊ะรกๆ ทำให้ไอเดียคุณบรรเจิด มุกนี้ใช้ได้ก็ต่อเมื่อคุณมีความจำดีเยี่ยมเท่านั้น ว่ากระดาษและสิ่งของที่เกลื่อนอยู่บนโต๊ะน่ะ มีเรื่องอะไร อยู่ตรงไหนบ้าง แต่ถ้าคุณเป็นคนธรรมดาจัดของให้เข้าที่เข้าทางจะดีกว่านะ
7. ใช้โทรศัพท์ให้เป็น
เสียงกริ๊งทุกสิบห้านาทีติดโผสาเหตุอันดับต้นๆ ที่มารบกวนเวลาทำงานของคุณ อย่าตกเป็นโรคโฟนลิซึ่มด้วยการเม้าท์สนุกปากในเวลางาน เพราะนอกจากจะขโมยเวลาไปจากคุณแล้วมันยังทำให้คุณดูไม่ดีอีกด้วย ธนาคารและโรงแรมใหญ่ๆในต่างประเทศเริ่มขอความร่วมมือให้พนักงานหน้าเคาน์เตอร์งดใช้โทรศัพท์มือถือขณะปฏิบัติงาน เพราะเกรงว่าลูกค้าจะรู้สึกไม่ประทับใจเมื่อเห็นพนักงานรับโทรศัพท์มือถืออยู่บ่อยๆ จนเสียงานและรับรองลูกค้าได้ไม่เต็มที่
8. ทุกคนมีเวลาของตัวเอง
สังเกตให้ดีว่าช่วงเวลาใดที่สมองคุณรู้สึกปลอดโปร่ง ไอเดียกระฉูด ถ้าคุณถูกชะตากับเวลาเช้าตรู่ก็รีบเรียงลำดับความคิดทำ list สิ่งที่จะทำในวันนั้นก่อนที่เมฆดำจะเลื่อนมาบดบังความคิดเจ๋งๆ ของคุณ
9. มีความรับผิดชอบ
บริหารเวลาต้องเริ่มจากการจัดการตัวเองซะก่อนก็จะมีประโยชน์อะไรล่ะ ถ้าทำ list ขึ้นมาแล้วทำตามนั้นไม่ได้จะบอกให้ก็ได้ว่าสาเหตุหลักของความล้มเหลวเกิดจากโรคความรับผิดชอบบกพร่องของคนเรานี่แหละ ไม่มียารักษาแต่หายได้ด้วยวินัยในตัวคุณเอง
คุณลองใช้เวลาไม่กี่นาทีอ่านเคล็ดบริหารเวลาเหล่านี้ใช้เวลาอีกนิดหน่อยลองลงมือทำดูแล้วคุณจะค้นพบเวลาอีกหลายชั่วโมงที่หายไป ทีนี้ไม่ว่าคุณจะงานยุ่งแค่ไหนก็จัดการมันได้ไม่ยากด้วยสองมือของคุณเอง เวลาเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของคุณที่สามารถนำไปแลกเป็นอะไรก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะจัดการกับมันได้ดีแค่ไหน
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1916&sub_id=95&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด