วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับเกี่ยวกับวิธีกำจัดกลิ่นตัวมาฝากค่ะ ใครที่กำลังตกอยู่ในปัญหา มีกลิ่นตัวทำไงดี? วันนี้เรามีคำตอบดีๆ มาบอกกันค่ะ
แน่นอนว่าปัญหาของการมีกลิ่นตัวถือว่าเป็นเรื่ยงที่น่าอายมากๆ โดยเฉพาะถ้าปัญหานี้ดันไปเกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงอย่างเราๆ ด้วยแล้วหล่ะก็ โอ๊ยๆๆ ไม่อยากจะคิดเลยนะค่ะ และนี้เองก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ช่วยลดความมั่นใจให้คุณสาวๆ ทั้งหลายได้เป็นอย่างดี วันนี้เราก็เลยมีเคล็ดที่ไม่ลับเกี่ยวกับคำถามของสาวๆ ที่ว่า มีกลิ่นตัวทำไงดี? มาฝากกันด้วย วิธีกำจัดกลิ่นตัว ในแบบที่คุณก็สามารทำได้ด้วยตัวเองมาบอกกันค่ะ รับรองได้ว่าเคล็ดไม่ลับเกี่ยวกับการคำถามที่ว่า มีกลิ่นตัวทำไงดี? ซึ่งสามารถจัดการด้วย วิธีกำจัดกลิ่นตัว ที่เรานำมาบอกให้รู้ในวันนี้จะสามารถเป็นผู้ช่วยที่แสนดีที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้หญิงอย่างเราๆ ได้เป็นอย่างดีพร้อมให้คุณมั่นใจในกลิ่นตัวค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราก็ไปแก้ปัญหาของการมีกลิ่นตัวทำไงดี? ด้วย วิธีกำจัดกลิ่นตัว ในแบบที่เป็นเคล็ดไม่ลับแบบง่ายๆ กันเลยดีกว่านะค่ะ
มีกลิ่นตัวทำไงดี?
บริเวณที่มักขับเหงื่อออกมามากที่สุด คือ ที่อับชื้น ได้แก่ รักแร้ ซอกขา ซอกนิ้วเท้า ข้อพับต่างๆ และอวัยวะเพศ แต่ด้วยเป็นจุดอับเวลาเหงื่อออกจึงระเหยออกไปได้ยากทำให้เกิดการหมักหมมเป็นกลิ่นเหม็น กลิ่นตัวของคนจะแรงขึ้นมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นเนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ นอกจากนี้อาหารบางชนิด เช่น ไขมันจากสัตว์ เนื้อสัตว์ สะตอ กระเทียม หอม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ตลอดจนยาบางชนิด ก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นตัวได้เช่นกัน เช่น การใช้ยารักษาสิวทั่วไปที่มีสารเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) ผสมอยู่เป็นประจำ รวมถึงโรคประจำตัวอื่นๆ ทั้งท้องผูก ตับอักเสบ ไต เบาหวาน พยาธิในระบบทางเดินอาหาร และมะเร็ง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นตัวเช่นกัน
วิธีกำจัดกลิ่นตัว
ปรับพฤติกรรมกำจัดกลิ่น
1. รักษาความสะอาด อาบน้ำให้สะอาด สวมเสื้อผ้าที่สะอาด โดยเลือกเนื้อผ้าที่ใช้เส้นใยจากธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายที่ระบายเหงื่อได้ดี ในกรณีที่กลิ่นยังติดอยู่บนเสื้อผ้าซักด้วยผงซักฟอกแล้วยังไม่ออกให้ลองแช่ผ้าในน้ำเกลืออุ่นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง โดยใช้เกลือ 3 ช้อนโต๊ะต่อน้ำประมาณ 1 ลิตร
2. ผ่อนคลายความเครียด บางครั้งความเครียดก็มีส่วนทำให้เกิดกลิ่นตัวได้เหมือนกันเพราะร่างกายจะหลั่งสารอดรีนาลีนออกมา
3. ทำดีท็อกซ์ การสะสมสารพิษในร่างกายก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นตัวได้เหมือนกันปัญหานี้ช่วยได้ด้วยการทำดีท็อกซ์
4. ไม่ควรขัดผิวบ่อยๆ เพราะจะทำให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์กับร่างกายถูกทำลายทำให้เกิดกลิ่นตัวง่าย ดังนั้นขัดผิว 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอ
ลดปัญหากลิ่นตัวด้วยอาหาร
1. กินอาหารหลากหลาย กินโปรตีนจำพวกธัญพืชต่างๆ ผักสดทั้งใบเขียวและใบเหลือง ผลไม้สดโดยเฉพาะแก้วมังกรวันละ 1 จานเล็กจะช่วยได้ดี หรือน้ำคั้นสดจากผักและผลไม้รวมทั้งกินอาหารที่มีธาตุสังกะสีหรือแมกนีเซียม เช่น ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท และอาหารทะเล
2. เลี่ยงการกินอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กุยช่าย ขิงสด สะตอ หัวหอม กระเทียม และเครื่องเทศต่างๆ รวมถึงเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
3. เลี่ยงอาหารก่อพิษจำพวกเนื้อสัตว์ใหญ่ ทั้งหมู เนื้อ ไก่ ไข่ ตับ รวมทั้งช็อกโกแลต ลูกเกด ถั่วลิสง เพราะจะทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ขับไขมันออกมามากโดยเฉพาะใต้วงแขนและที่สำคัญจะก่อให้เกิดสารตกค้างในลำไส้ทำให้เหงื่อมีกลิ่นเฉพาะตัว
สมุนไพรระงับกลิ่น
1. ใบพลู นำใบพลูมาขยี้แล้วทารักแร้หลังอาบน้ำ เพราะใบพลูมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้หลายชนิด
2. ใบฝรั่ง นอกจากจะช่วยระงับกลิ่นปากได้แล้วใบฝรั่งยังช่วยระงับกลิ่นตัวได้เช่นกัน โดยนำใบฝรั่งประมาณ 10 ใบ มาโขลกให้ละเอียดแล้วทารักแร้ ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วอาบน้ำให้สะอาด
3. มะนาว ใช้มะนาวผ่าซีกทาบริเวณรักแร้ขณะอาบน้ำแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
4. มะขามเปียก คั้นน้ำมะขามเปียกปริมาณพอเหมาะ จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบางใช้น้ำมะขามแทนสบู่ตอนอาบน้ำ มะขามเปียกจะช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วไม่ให้เกิดการหมักหมม
สารพัดสารขจัดกลิ่น
1. สารส้ม ใช้สารส้มถูทาที่รักแร้หลังจากอาบน้ำทุกครั้งโดยทาขณะที่รักแร้ยังเปียกอยู่
2. สารส้มและพิมเสน นำสารส้มสะตุผสมพิมเสนอย่างละเท่าๆ กัน บดให้ละเอียดแล้วผสมแป้งฝุ่นหรือดินสอพอง หยดน้ำลงไปนิดหน่อยทาที่รักแร้ปล่อยให้แห้ง
3. ปูนแดง ใช้ปูนแดงผสมน้ำทารักแร้หลังอาบน้ำ เพื่อใช้ความเป็นด่างของปูนแดงช่วยปรับภาวะกรดในร่างกายที่ขับแบคทีเรียออกมาบนผิวหนัง (อย่าใช้ปูนแดงปริมาณมากเกินไปเพราะจะทำให้กัดผิวได้)
4. สารสกัดจากสะระแหน่ หยดน้ำมันที่สกัดจากสะระแหน่ 2-3 หยด ใส่ลงในอ่างอาบน้ำ เพราะสะระแหน่มีคุณสมบัติเป็นยาดับกลิ่นตามธรรมชาติอยู่แล้ว
วิตามินต้านกลิ่นกาย
- วิตามินบี 1 ปริมาณ 50 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้งไปในระยะหนึ่งก่อน เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นแล้วให้ลดลงเหลือปริมาณ 20-30 มิลลิกรัม วันละครั้งติดต่อกันประมาณหนึ่งปีทั้งนี้เพื่อควบคุมอาการ
- วิตามินบีคอมเพล็กซ์ 25,000 I.U. หนึ่งวันต่อสัปดาห์
- วิตามินซี เพื่อผ่อนคลายความเครียดอันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นกาย
- นอกจากนี้ควรกิน วิตามินบี6 แมกนีเซียม และ สังกะสีในปริมาณที่พอเหมาะร่วมด้วย
Tip
วิธีกำจัดกลิ่นตัวอย่างง่ายในออฟฟิศใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำสะอาดหยดโคโลญเล็กน้อยหรือจะใช้น้ำมันหอมกลิ่นที่ชอบก็ได้ เช็ดใต้วงแขนหรือแผ่นหลัง สัก 1-2 รอบ จะรู้สึกสบายตัวเหมือนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เป็นวิธีขจัดเหงื่ออย่างได้ผลและไม่เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาอีกด้วย