ครบทุกปัญหา เรื่องจุ๋มจิ๋ม...น้องสาวของคุณผู้หญิง


1,620 ผู้ชม


สุขภาพเรื่องน้องๆ ของคุณผู้หญิง วันนี้เรารวบรวมทุกปัญหาสุขภาพของจุดซ่อนเร้นของคุณผู้หญิงมาไว้ที่นี่แล้วค่ะ เพื่อให้ผู้หญิงใส่ใจเรื่องสุขภาพ         สุขภาพเรื่องน้องๆ ของคุณผู้หญิง วันนี้เรารวบรวมทุกปัญหาสุขภาพของจุดซ่อนเร้นของคุณผู้หญิงมาไว้ที่นี่แล้วค่ะ เพื่อให้ผู้หญิงใส่ใจเรื่องสุขภาพ 

เกิดเป็นผู้หญิง แท้จริงนั้นแสนจะลำบากคงเป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะเมื่อความเจ็บป่วย ก็ย่อยทำให้เรามีสุขภาพไม่ดี ไม่ละเว้นแม้แต่ "จุดนั้น จุดซ่อนเร้น" ของผู้หญิงเรารี่แหละคะ ซึ่งปัญหาสุขภาพ จุดซ่อนเร้น บางครั้งอาจเป็นแค่ความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ เดี๋ยวก็หายไปเอง บางครั้งก็เป็นโรคที่สามารถทำลายสุขภาพของผู้หญิงได้เช่นกัน จึงต้องมีการดูแลรักษาแต่ปัญหาเรื่องสุขภาพภายในของผู้หญิงเรา บางทีปัญหาหลักๆ คือ การอายไม่กล้าไปหาหมอ ใช่มั้ยคะ วันนี้เรามีการวินิจัยโรคเบื้องต้นสำหรัลจุดเซ้นเร้นของผู้หญิงมาฝาก  เรามาดูกันหน่อยว่าน้องสาวจะเจ็บป่วยด้วยสาเหตุไหนได้บ้าง

  •  คัน 
อาการคันเกิดจากหลายสาเหตุ ถึงจะไม่เคยเป็นอะไรมาก่อนเลยอย่างน้อยทุกคนต้องเคยคันล่ะ ต้นเหตุของการคันอาจมาจากการแพ้สารเคมีหรือน้ำหอมในผ้าอนามัย แพ้ใยสังเคราะห์ของกางเกงใน คันเพราะความอับชื้นหรือมีเชื้อโรค ถ้าคันเพราะของใช้จัดการเปลี่ยนก็หาย ถ้าอาการคันเป็นมาก มีผื่นแดง หรือเกิดจากเชื้อโรค เพราะสุขภาพชองคลอดที่ดี ต้องรีบไปหาคุณหมอขอยารักษานะคะ
  •  มีกลิ่น 
กลิ่นมา อาการสุขภาพน้องไม่ค่อยดีแล้วล่ะคะ เพราะปกติแล้วพื้นที่ส่วนตัวอาจมีกลิ่นเล็กน้อย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เฉียวฉุนรุนแรงแล้วละก็ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องปกติ สาเหตุของกลิ่นไม่พึงปรารถนาเกิดได้จากเชื้อรา หรือแบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุล ในยามร่างกายอ่อนแอ มีเพศสัมพันธ์ อับชื้นจากอากาศร้อน ๆ หรือไปล้างช่องคลอด ฯลฯ 
สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือไปหากคุณหมอค่ะ วิธีป้องกันกลิ่นควรล้างด้วยน้ำสะอาด อาจจะใช้น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น แล้วไม่ควรล้างเข้าไปถึงภายนะคะ ล้างเสร็จซับด้วยผ้าขนหนูสะอาดเบา ๆ ให้แห้ง ทีนี้มาถึงข้อห้ามบ้าง อย่ากลบกลิ่นด้วยน้ำหอม หรือไปกำจัดขนบริเวณนั้นออก เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  •  แสบเวลาปัสสาวะ 
เนื่องจากท่อปัสสาวะและช่องคลอดเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดติดกัน เวลารู้สึกเจ็บ ๆ แสบ ๆ ขึ้นมา ก็คงบอกไม่ได้หรอกว่าแสบช่องไหน เอาเป็นว่าถ้าปัสสาวะแล้วแสบแสดงว่ามีการติดเชื้อในท่อปัสสาวะ ควรรักษาให้หายจะได้ไม่ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ การดื่มน้ำมาก ๆ (อย่ามากเกินไป) จะช่วยขับแบคทีเรียออกไป อย่ากลั้นปัสสาวะปวดต้องรีบเข้าห้องน้ำ และควรปัสสาวะทุกครั้งหลังจากมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยป้องกันท่อปัสสาวะอักเสบได้
  •  เจ็บ 
ถ้ารู้สึกเจ็บแปล๊บ ๆ แล้วอาการไม่หายไปไหนสักที ควรให้คุณหมอตรวจดูหน่อยว่าเกิดจากสาเหตุใด อาจเกิดได้จากปลายประสาทอักเสบก็เป็นได้ หรือเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ไม่ได้เกิดจากไร้อารมณ์เพียงอย่างเดียว อาจเกิดจากการระคายเคืองที่เป็นอยู่ก่อนมีแผล ช่องคลอดแห้งจากยา ช่วงหลังคลอดใหม่ ๆ หรือยังให้นมลูกอยู่ ถ้ารู้สึกว่าเจ็บลึกเข้าไปถึงท้องน้อยหรือก้นกบ อาจเกิดจากการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ปัญหาในมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ผิดที่เนื้องอกในอุ้งเชิงกราน และถุงน้ำรังไข่ ฯลฯ
"ถ้าสงสัยว่าติดโรคต้องรีบหาคุณหมอโดยด่วน ทางที่ดีควรไปตรวจทั้งคู่จะได้รักษาให้หายขาดไม่เป็นซ้ำอีก ถ้าไม่มั่นใจในคนของเราก็ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย"
  •  มีเลือดออกแต่ไม่ใช่ประจำเดือน 
อาจเกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ เนื้องอกในมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ผิดทาง มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งมดลูก ก็อย่าเพิ่งกังวลใจไปมากว่าจะเป็นโรคร้ายแรงอะไร ไปตรวจกับคุณหมอรู้สาเหตุแล้ว ก็จะสบายใจกว่า
  •  อักเสบและติดเชื้อ 
มีตกขาวผิดปกติเกิดได้จากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราในช่องคลอดอาละวาด เนื่องจากความอับชื้นรักษาความสะอาดไม่ดีพอหรือสะอาดมากไป ทำให้เสียสมดุลความเป็นกรดด่างในช่องคลอด ก็ทำให้มีตกขาวผิดปกติหรือคันได้ ปัญหาเชื้อราในช่องคลอดเกิดบ่อย ๆ ในคนอ้วน คุณแม่ตั้งครรภ์ คนที่เป็นเบาหวาน หรือกินยาแก้อักเสบบ่อยหรือกินติดต่อกินเวลานาน
  •  ติดเชื้อโรคจากภายนอก หรือโรคจากากรมีเพศสัมพันธ์ 
ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา หรือจากพยาธิ ที่พบได้บ่อย ๆ เช่น หนองใน หนองในเทียม แผลริมอ่อน เริม และซิฟิลิส หูดที่ปากช่องคลอด เมื่อติดโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ อาจจะมีอาการ เช่น ตกขาวผิดปกติ เป็นแผลที่อวัยวะเพศ เป็นไข้และปวดท้องน้อย คัน ปัสสาวะขัด ขาหนีบบวม หรืออาจจะมีความผิดปกติในส่วนอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคที่เป็น 
ถ้าสงสัยว่าติดโรคต้องรีบหาคุณหมอโดยด่วน โรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง ทางที่ดีควรไปตรวจทั้งคู่จะได้รักษาให้ให้หายขาดไม่เป็นซ้ำอีก ถ้าไม่มั่นใจในคนของเราก็ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย เพราะบางโรครักษาไม่หายขาด บางโรคก็อันตรายถึงชีวิตเชียวนะคะ
ความจริงแล้วโรคและอาการผิดปกติส่วนใหญ่รักษาให้หายได้ไม่ยาก อย่าทนทุกข์ทรมานอยู่เลย การรู้จักดูแลเอาใจใส่ คอยสังเกตความผิดปกติ และไม่กลัวหมอช่วยได้มากค่ะ

อัพเดทล่าสุด