เรียนรู้ความต่างเด็กหญิง-ชาย ลดความขัดแย้งชีวิตคู่


730 ผู้ชม


“บอยจะเอาสีชมพู...บอยจะอาว...จะอาว...”   เสียงพ่อหนูน้อยร่ำร้องทุรนทุราย แข่งกับสุ้มเสียงหงุดหงิดของคุณแม่ที่เพียรพยายามอธิบายแกมสั่งสอน   “ไม่ได้...ไม่ได้...ผู้ชายใช้สีชมพูไม่ได้...ไม่ได้...ไม่ได้...” ซ้ำซาก...ยืนยัน ราวกับแผ่นเสียงตกร่อง เพื่อตอกย้ำให้รับรู้และจดจำ           “บอยจะเอาสีชมพู...บอยจะอาว...จะอาว...” เสียงพ่อหนูน้อยร่ำร้องทุรนทุราย แข่งกับสุ้มเสียงหงุดหงิดของคุณแม่ที่เพียรพยายามอธิบายแกมสั่งสอน “ไม่ได้...ไม่ได้...ผู้ชายใช้สีชมพูไม่ได้...ไม่ได้...ไม่ได้...” ซ้ำซาก...ยืนยัน ราวกับแผ่นเสียงตกร่อง เพื่อตอกย้ำให้รับรู้และจดจำ 

 

 

  

เสริมความรักให้มั่นคงได้อีกต่างหาก

 

 


ผู้ชาย...ต้องไม่ใช้สีชมพู

ความพึงพอใจของหนูน้อยในเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งกำลังถูกกำหนดด้วยความมุ่งมั่นชัดเจนของผู้เป็นแม่ โดยมีเรื่องราวอีกมากมายที่ยังรอคอยให้ถูกทยอยจัดวางเป็นความคิด ความเชื่อ ความชอบหรือรสนิยมของหนูน้อยภายใต้กรอบของผู้เลี้ยงดูและสังคมอีกอย่างต่อเนื่อง

นี่เป็นการสร้างลักษณะนิสัยและการแสดงออกของเด็กชายให้ต่างจากเด็กหญิงมากยิ่งขึ้นโดยอาศัยอิทธิพลของการเรียนรู้ ซึ่งเป็นกระบวนการบ่มเพาะจากการเลี้ยงดูและเติบโตเป็นหลัก ทั้งที่คนทั้งสองเพศก็มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่แตกต่างกันเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

 

เริ่มตั้งแต่หน้าตาเครื่องเพศภายนอกของหนูน้อยที่ไม่เหมือนกัน ส่วนเครื่องเพศภายในก็เป็นแหล่งสรัางความแตกต่างทางฮอร์โมนเพศที่นำไปสู่รูปลักษณ์และอารมณ์ที่ห่างไกลกันไปยิ่งขึ้นอีกเมื่อเติบโตขึ้น แม้ในช่วงวัยเด็กที่ฮอร์โมนเพศยังไม่เริ่มทำหน้าที่ หนูน้อยสองเพศก็ยังคงมีรายละเอียดยิบย่อยที่ต่างกันโดยธรรมชาติอยู่พอควร

 

หนุ่มน้อยของเราจะมีน้ำหนักและส่วนสูงมากกว่าเด็กหญิง

ไขมันตามเนื้อตัวของทารกเพศชายมีน้อยกว่าและสลายไปเร็วกว่าทารกเพศหญิง พร้อมกับที่ทารกชายมีกล้ามเนื้อมากกว่า แล้วยังใช้พละกำลังจากกล้ามเนื้อได้ดีกว่า จนเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่ออายุประมาณสี่ห้าขวบ โดยเจ้าพละกำลังมากมายนี่เองที่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างความภาคภูมิใจของเด็กชาย

นั่นปะไร...หนุ่มน้อยวัยอนุบาลจึงทำให้คุณครูปวดเศียรเวียนเกล้ามากกว่าสาวน้อยหนุงหนิงตัวกระเปี๊ยกทั้งหลาย

 

อย่างไรก็ตาม การศึกษาในเรื่องอารมณ์อ่อนโยน เห็นอกเห็นใจและต้องการพึ่งพิง หรือ “ติด” ผู้ใหญ่ที่ตนรักนั้น กลับพบว่าเด็กชายกับเด็กหญิงไม่มีความแตกต่างกัน เพียงแต่ว่าเด็กหญิงจะมีธรรมชาติของการอยากดูแลคนอื่นมากกว่า แสดงออกทางอารมณ์ถึงความห่วงใยได้ชัดเจนกว่า

 

ในขณะที่เด็กผู้ชายออกจะพยายามแสดงตัวเพื่อการ “นำ” ให้ตนเหนือกว่าผู้อื่นมากกว่า

ประมาณว่าเด็กชายมี “อีโก้” จัดกว่าผู้หญิงมาแต่อ้อนแต่ออกเชียวล่ะ แถมยังนิยมแสดงออกถึงอีโก้อย่างก้าวร้าวกว่าทั้งทางร่างกายและวาจา

 

ในทางตรงข้าม เด็กหญิงตัวน้อย ๆ ของเรากลับใช้วิธีการแสดงความก้าวร้าวอย่างเนียน ๆ ประเภทเพิกเฉย ไม่สนใจ หรือไม่ร่วมมือไม่ช่วยเหลือ อุ๊ย! เรียกได้ว่ามีอาการดื้อเงียบ ต่อต้านอย่างเย็นชาแบบนางเอกนิยายน้ำเน่าได้เอง โดยมีธรรมชาติเป็นผู้จัดสรรให้มาพร้อมความเป็นเพศหญิงเลยนะเนี่ย

เมื่อธรรมชาติแบบนี้ถูกการเรียนรู้เสริมแต่งซ้ำลงไปอีก ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองเพศดูแตกต่างมากมายจนถูกเปรียบเปรยว่ามาจากดาวต่างดวง

 

อย่าแปลกใจที่พ่อเจ้าประคุณเอาแต่โหวกเหวก...นี่แหละอีโก้โดยกำเนิดกำลังแผลงฤทธิ์ อย่างุนงงที่เจ้าหล่อนเหน็บแนมเชือดเฉือน..ก็สมองมีศักยภาพด้านภาษาสูงขั้นเทพออกปานนั้น แต่แล้วก็ด้วยอิทธิพลของทั้งธรรมชาติผนวกกับการเรียนรู้ทางสังคมอีกนั่นแหละที่ทำให้มนุษย์จากดาวต่างดวงมีแรงดึงดูดเข้าหากัน

 

ธรรมชาติอีกแล้ว ที่มอบความรักให้มนุษย์ผู้แตกต่างสามารถเปิดใจยอมรับกันและกัน มองเห็นความแตกต่างเป็นปรากฏการณ์น่าตื่นเต้นชวนติดตาม แต่ก็เพราะธรรมชาติอีกเช่นกันที่เมื่อถึงจุดเวลาหนึ่งก็กลับลำ ทำให้มนุษย์ต่างเพศคู่นั้นรู้สึกเบื่อหน่าย หงุดหงิด แปลกแยกต่อความแตกต่างเดียวกันนั้นทั้งที่เคยรู้สึกดีๆมาก่อนในระยะเริ่มต้น

 

โชคดีเหลือเกินที่มีมนุษย์ชาญฉลาดหลายคู่รู้จักคิด ...ไม่ปล่อยให้ทางเลี้ยวทางเลือกนี้ดำเนินไปตามยถากรรมที่ธรรมชาติวางไว้เขาและเธอรู้เท่าทันสถานการณ์เพียงพอที่จะให้โอกาสแก่การเรียนรู้และการปรุงแต่งธรรมชาติอย่างสร้างสรรค์ด้วยสมองได้แสดงตัวแสดงผลงาน

 

ความเข้าใจ ความมีสติ ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง การให้อภัย การเห็นอกเห็นใจ ฯลฯ....ล้วนเป็นผลลัพธ์ยิ่งใหญ่จากการเรียนรู้ที่มีคุณค่าเหนืออารมณ์ตามธรรมชาติ การเรียนรู้เหล่านี้ทำให้มนุษย์ทั้งสองเพศสามารถประคองชีวิตร่วมกันต่อไปได้อย่างลึกซึ้งและมั่นคง

 

 

ความจริงของผู้ชาย

ตัวสูงกว่า

น้ำหนักมากกว่า

มีองค์ประกอบของกล้ามเนื้อในร่างกายมากกว่า

มีพละกำลังของกล้ามเนื้อมากกว่า

พยายามเป็นผู้นำมากกว่า

พยายามมากขึ้นเมื่อมีการแข่งขัน

เหี่ยวย่นช้ากว่า แต่มีโรคจากความชรามากว่า

 

 

ความจริงของผู้หญิง

มีไขมันมากกว่า

มีเพื่อนกลุ่มเล็กกว่า

เริ่มพูดได้ช้ากว่า แต่เมื่อเริ่มแล้วก็จะพูดได้มากกว่าและใช้พูดได้ซับซ้อนกว่า

มีความพยายามเพราะต้องการตอบสนองความรู้สึกว่าตน “ทำได้”

แก่ง่าย อายุยืนกว่า

 
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1128&sub_id=2&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด