Top 5 ผลไม้หม่ำง่าย...ถ่ายคล่อง


892 ผู้ชม


เมื่อเจ้าตัวเล็กอึ...อึ๊ไม่ปกติ จะมีวิธีไหนมาช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของลูกให้ดีขึ้นบ้าง หลังจากค้นข้อมูลแล้วปรากฏว่า ผลไม้นี่แหละคือยาช่วยขนานเอก Madame เลยอดเก็บมาบอกต่อคุณแม่ไม่ได้           เมื่อเจ้าตัวเล็กอึ...อึ๊ไม่ปกติ จะมีวิธีไหนมาช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของลูกให้ดีขึ้นบ้าง หลังจากค้นข้อมูลแล้วปรากฏว่า ผลไม้นี่แหละคือยาช่วยขนานเอก Madame เลยอดเก็บมาบอกต่อคุณแม่ไม่ได้ 

 

 

 


ท้องผูกหรือเปล่านะ?

เห็นสีหน้าและท่าทางของคนเป็นแม่ที่กลุ้มอกกลุ้มใจเพราะลูกสาวอึ๊ไม่ปกติแล้ว Madame อดเห็นใจไม่ได้ เลยต้องรีบไปปรึกษากับผู้รู้อย่างป้าเกศและคุณหมอจึงได้ความว่า การที่ลูกวัย 0-1 ปี ซึ่งกินนมเป็นอาหารหลักไม่ถ่ายทุกวันนั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือแปลว่าลูกท้องผูกค่ะ อาทิตย์หนึ่งๆ ลูกอาจจะถ่าย 2-3 ครั้งก็ได้ เพียงแต่ว่าการถ่ายแต่ละครั้งนั้นต้องไม่ถ่ายยากลำบากหรือต้องเบ่งจนหน้าแดง เมื่อมาทบทวนจากที่ฟังอาการของลูกแม่โอ๋ก็ไม่ได้มีอาการอย่างที่ว่าเลยสักนิดก็แสดงว่าไม่ได้ท้องผูก แต่ระบบขับถ่ายอาจจะทำงานไม่ราบรื่นนักค่ะ อย่างนี้ต้องรีบหาวิธีแก้ด่วนซะแล้ว

 

มีมากกว่าวิตามินซี

หากให้พูดถึงวิธีช่วยถ่ายคล่องล้วนมีหลากหลายสารพัดสารพันวิธีค่ะ แต่ที่ใช้ได้กับเบบี๋ ไม่เป็นพิษเป็นภัย และค่อนข้างได้ผลดี เห็นจะต้องแนะนำว่า “ผลไม้” นี่แหละดีที่สุด (ป้าเกศคอนเฟิร์ม) แม้ว่าคุณแม่ส่วนใหญ่จะนึกถึงผลไม้ในฐานะอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและแร่ธาตุอื่นๆ แต่นอกจากนั้นแล้วมีเพียงน้อยคนที่รู้และมั่นใจว่า ผลไม้ยังมีคุณสมบัติในการช่วยให้ระบบขับถ่ายของลูกเล็กทำงานเป็นปกติได้ด้วยจากกากใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำได้ซึ่งมีอยู่ในผลไม้นั่นเอง

 

หม่ำก็ง่าย...ถ่ายก็คล่อง

ไหนๆ ก็พูดถึงผลไม้ที่เป็นตัวช่วยระบบขับถ่ายของลูกได้ดี (เลิศ) Madame ขอแถมข้อมูลเพิ่มเติมที่รู้มาจากป้าเกศอีกว่า ผลไม้บางประเภทที่ใช้เป็นยาระบายสำหรับผู้ใหญ่ เช่น สับปะรดนั้นไม่เหมาะที่จะนำมาใช้กับเด็กเล็กนะคะ เพราะกรดบางอย่างในสับปะรดจะทำให้กระเพาะอาหารน้อยๆ ระคายเคืองได้ ส่วนผลไม้ที่ใช้กับลูกเล็กได้ดีมากจะเป็นพวกมะละกอสุก กล้วยสุก และมะม่วงสุก เพราะมีกากใยอาหารที่ละลายในน้ำได้มากกว่าผลไม้ชนิดอื่น และกากใยอาหารที่มีอยู่เป็นกากใยอาหารที่ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารของลูก และไม่ทำให้เกิดแก๊ส พูดง่ายๆ คือไม่ทำให้ลูกท้องอืดหรือผายลมบ่อยๆ เพราะกากใยจะไม่ค้างอยู่ในลำไส้และระบบทางเดินอาหารนาน คราวนี้แหละระบบขับถ่ายของลูกจะเป็นไปอย่างดีสักที

 

Top 5 ผลไม้ช่วยย่อย

แหม! เป็นตัวตั้งตัวตีแนะนำมาตั้งแต่ระบบขับถ่าย ไล่มาจนบอกทางออกว่าต้องเป็นผลไม้ ถ้าจะไม่บอกว่ามีอะไรบ้างก็กระไรอยู่จริงไหมคะ จัดการลิสต์มาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ รายชื่อผลไม้ 5 ชนิดที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารของลูกทำงานได้ดีขึ้น เพื่อที่คุณแม่ๆ จะได้นำไปสลับสับเปลี่ยนกับผลไม้ที่ลูกกินเป็นประจำได้ทันทีไม่ต้องหาข้อมูลเพิ่มอย่างไรล่ะคะ

 

1. กล้วย เป็นผลไม้ที่มีให้รับประทานตลอดทั้งปี ราคาถูก โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าสุกจะมีสารเพกทินที่เป็นเมือกลื่นอยู่สูง จะช่วยรักษาโรคท้องเสียและท้องผูกด้วย แต่ถ้ากินมากไปอาจจะทำให้ท้องอืดได้ค่ะ

2. มะละกอสุก ผลดิบคุณแม่จะเอามาทำส้มตำแซบๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่เมื่อสุกแล้วมะละกอจะมีสารชนิดหนึ่งที่เป็นผลดีต่อระบบย่อยอาหาร แก้อาการท้องผูก เอาไว้ให้ลูกกินได้จ้ะ แต่ถ้ากินมากไปก็จู๊ดๆ ได้เหมือนกัน นี่แหละที่เขาบอกว่ามากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ได้ผล

3. มะม่วงสุก แม้ว่าทุกวันนี้จะมีมะม่วงให้กินได้ตลอดทั้งปี แต่โดยธรรมชาติมะม่วงจะออกผลในช่วงฤดูร้อน และถ้าได้กินมะม่วงสุกคาต้นล่ะก็หวานอร่อยกว่ามะม่วงนอกฤดู ถึงมะม่วงจะไม่ได้สรรพคุณช่วยย่อยโดยตรงแต่ก็มีสารเพกทินที่ทำให้อึ๊ของลูกนุ่มขึ้นจ้ะ

4. แอปเปิ้ล ดูเป็นผลไม้ธรรมด๊า...ธรรมดาที่ไม่น่าจะเกี่ยวกับระบบของท้อง แต่แอปเปิ้ลมีสารเซลลูโลสมาก ช่วยบำรุงกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยแก้อาการท้องผูกได้ และกรดจากแอปเปิ้ลยังมีผลดีต่อการรักษาอาการท้องเสียด้วยนะ

5. ส้ม อุดมไปด้วยวิตามินซี โพแทสเซียมและกรดโฟลิก ช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนตัว ลดอาการอาหารไม่ย่อย บำรุงกระเพาะอาหารและม้าม ถ้าดื่มน้ำส้มประจำจะช่วยให้ปัสสาวะได้ดี

 

กินอย่างไรล่ะ

วิธีแรกขอแนะนำวิธีที่ง่ายและคลาสิกที่สุดเลยค่ะ ครูดเนื้อผลไม้ให้ละเอียด เพื่อให้ลูกกลืนง่ายและย่อยง่าย จากนั้นก็ป้อนเจ้าตัวเล็กได้เลย และที่บอกว่าง่ายที่สุดนั้น เพราะผลไม้ครูดไม่ต้องผ่านกรรมวิธีการปรุงใดๆ ทั้งสิ้น สะดวกและง่ายสำหรับคุณแม่เชียวล่ะ

แต่กินผลไม้ครูดไปนานๆ เจ้าตัวเล็กก็เบื่อเป็น (แม้จะยังบ่นไม่ได้) ขอเสนอแผนสำรองเผื่อเอาไว้ก่อน คือ ถ้าเห็นทีท่าว่าลูกเบื่อเมื่อไหร่ คุณแม่ก็เอาเนื้อผลไม้สุกไปปรุงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นตุ๋น ต้ม ทำน้ำผลไม้ หรือถ้าลูกโตขึ้นหน่อยคุณแม่ก็ทำเมนูที่เรียกโก้ๆ ว่าเชอร์เบท (น้ำผลไม้และเนื้อผลไม้ปั่นแช่แข็ง) ให้ลูกกินแทนได้ ดูเมนูแล้วไม่น่าจะยากและยังน่ากินอีกเชียวล่ะ

 

ปริมาณแนะนำ

 

ช่วงอายุ ลักษณะ ปริมาณ
6 เดือน น้ำผลไม้กรองและผสมน้ำต้มสุก 1-2 ช้อนโต๊ะ
7 เดือน น้ำผลไม้ไม่ต้องกรองและไม่ต้องผสมน้ำ

และเนื้อผลไม้บดละเอียด 1 ช้อนชา

3-4 ช้อนโต๊ะ
8 เดือน น้ำผลไม้และเนื้อผลไม้บดหยาบ ค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้น
9 เดือน ผลไม้สุกที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ขนาดพอคำ 1-2 ชิ้น
10 เดือน ขึ้นไป ผลไม้สุกที่ลูกน้อยสามารถหยิบจับ ถือกินเองได้ 1/2 ผล

 

แหม! มีข้อมูลอย่างนี้แล้ว เวลาเจ้าตัวเล็กที่บ้านไม่อึ๊ตามปกติคุณแม่ก็ไม่ต้องหนักใจอีกแล้ว แต่ที่ไม่ต้องรอให้ถึงคราวต่อไปคือ ต้องออกไปเลือกซื้อผลไม้ 2-3 ชนิดมาติดตู้เย็นไว้บ้าง เอ...หรือพรุ่งนี้จะทำมะละกอตุ๋นมะนาวให้ลูกหม่ำๆ เลยก็ได้ค่ะ

 

 

รู้หรือเปล่าว่า...

* คุณแม่ไม่ควรให้ลูกน้อยกินกล้วยที่ผสมข้าวบดเข้าด้วยกัน เพราะข้าวและกล้วยให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรตมากอาจทำให้ลูกแน่นท้องหรือท้องอืดได้ เพราะระบบการย่อยอาหารของลูกยังไม่สมบูรณ์ดี

* อย่าใช้ภาชนะที่เป็นโลหะใส่ผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูง เช่น น้ำส้ม เพราะจะทำให้โลหะปนเปื้อนมาในอาหารได้

* วิตามินซีในผลไม้เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ เพราะฉะนั้นคุณแม่ไม่ควรหั่นหรือเตรียมผลไม้ไว้เป็นเวลานานก่อนนำมาปรุง

* คุณแม่ไม่ควรซื้อผลไม่สดมาตุนไว้มากๆ เพราะลูกจะได้กินผลไม้เก่าเก็บ ทางที่ดีควรซื้อใช้ให้หมดภายใน 2-3 วัน

* ผลไม้ที่มีคุณภาพ ควรเลือกที่สดและสีเข้ม เนื้อแน่น น้ำหนักไม่เบาจากรูปร่าง (แสดงว่าเก่าจนน้ำระเหยออกไปแล้ว) กรอบ สีของเปลือกสดใส

 
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1127&sub_id=2&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด