เรียนเสาร์-อาทิตย์ หนักไปไหมในวัยประถม?


957 ผู้ชม


อยากปรึกษาเรื่องเรียนพิเศษของลูกค่ะ ลูกชายอายุ 7 ปี ตอนนี้ให้ลูกเรียนพิเศษเสริมวิชาการทั่วไปในวันเสาร์ และในวันอาทิตย์ให้ลูกเรียนกีฬากับกิจกรรมเสริม อย่างศิลปะ คลาสละราวๆ 3 ชั่วโมง         อยากปรึกษาเรื่องเรียนพิเศษของลูกค่ะ ลูกชายอายุ 7 ปี ตอนนี้ให้ลูกเรียนพิเศษเสริมวิชาการทั่วไปในวันเสาร์ และในวันอาทิตย์ให้ลูกเรียนกีฬากับกิจกรรมเสริม อย่างศิลปะ คลาสละราวๆ 3 ชั่วโมง 

 

 

 อยากทราบว่าเรียนหนักเกินไปไหมคะสำหรับลูกวัยนี้ เพราะเท่าที่สังเกตลูกยังสนใจเรียนสม่ำเสมอ ไม่มีทีท่าว่าเบื่อหรือไม่อยากเรียนค่ะ

สินิทรา / กรุงเทพฯ

 

 

ในวัย 7 ปีของลูกเป็นวัยที่ชอบความสนุกสนาน ท้าทาย และต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้เด็กๆ หลายคนสนุกกับกิจกรรมพิเศษในวันสุดสัปดาห์ แต่การเรียนพิเศษก็ต้องดูด้วยค่ะว่ามากเกินไปหรือไม่ ดีใจแทนลูกนะคะที่คุณแม่นึกถึงใจลูกด้วยว่าเขาจะเรียนหนักเกินไปหรือไม่ เรามาพิจารณากันดีกว่านะคะว่าแค่ไหนที่จะพอเหมาะพอดีกับลูกของเรา

 

กรณีนี้คุณแม่ให้ลูกเรียนเฉพาะในวันหยุดและเรียนครึ่งวัน ลูกจึงยังสนุกอยู่ได้ แต่บางบ้านเรียนกันทุกวันหลังเลิกเรียนและยังแถมเสาร์อาทิตย์อีกด้วย สำหรับเด็กอายุ 7 ปี อย่างนี้ก็มากเกินไปค่ะ เพราะลูกทำกิจกรรมที่โรงเรียนมาทั้งวันแล้ว คราวนี้มาดูว่าในวันหยุดควรเรียนอย่างไร ถ้าเป็นกิจกรรมพวกศิลปะ ดนตรี กีฬา เด็กๆ จะสนุกเพราะเป็นกิจกรรมที่ได้ลงมือทำ เป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลิน ซึ่งต่างจากกิจกรรมประเภทเรียนวิชาการ ถ้าครูสอนไม่สนุกจะน่าเบื่อสำหรับลูกมากค่ะ

 

การพิจารณาว่าหนักเกินไปสำหรับลูกนั้นมี 2-3 ประเด็นที่ต้องคำนึงถึงค่ะ

 

เรื่องแรก เรื่องความรู้สึกของลูกต่อการเรียนรู้ ต้องคุยกับลูกว่าลูกรู้สึกอย่างไรบ้าง ลูกยังสนุกกับกิจกรรมหรือไม่ ต้องหมั่นสังเกตท่าทีของลูกด้วยว่าเบื่อกับการออกไปตระเวนอยู่นอกบ้านในวันหยุดหรือไม่ ถ้าลูกมีเค้าว่าจะเบื่อหน่าย พอจบคอร์สแล้วอาจจะพักสักระยะ แล้วค่อยเริ่มคอร์สใหม่

ที่สำคัญคุณแม่ต้องไม่ลืมนะคะ ว่าการเล่นอย่างอิสระที่บ้านก็เป็นสิ่งที่เด็กต้องการ อย่ามองเห็นว่าการเล่นเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะลูกได้เรียนรู้หลายอย่างจากการเล่นอิสระ ได้ทดลองทำโน่นทำนี่จากความคิดของตัวเอง เพลิดเพลินกับออกแบบการเล่นด้วยตนเอง เช่น เล่นกับเศษผ้า เล่นกับเลโก้ เล่นสมมุติกับของเล่นและตุ๊กตุ่นตุ๊กตา

 

อีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญ คือลูกควรมีเวลาทำกิจกรรมในบ้านร่วมกับสมาชิกในครอบครัวอย่างเพียงพอ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยมีเวลากับลูก กลับบ้านค่ำมืดอยู่แล้วในแต่ละวัน วันหยุดเสาร์อาทิตย์จึงควรสงวนไว้ให้เป็นเวลาที่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน หรือถ้าไปเรียนกิจกรรมพิเศษก็ควรไม่มากนัก

 

ลูกควรมีกิจกรรมกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการเข้าครัวช่วยกันทำกับข้าว ช่วยกันล้างรถ รดน้ำต้นไม้ อาบน้ำเจ้าปุกปุย เพราะการทำกิจกรรมด้วยกัน จะทำให้ลูกเกิดความรักความผูกพันกับครอบครัว ได้เอื้อเฟื้อต่อกัน และเรียนรู้ถึงความรับผิดชอบร่วมกันในครอบครัว ส่วนคุณพ่อคุณแม่จะได้ใกล้ชิดกับลูก มีโอกาสสอนลูกทำงาน ได้ถ่ายทอดค่านิยมที่ดีให้กับลูก สิ่งดีๆ เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อลูก และเป็นฐานของการสร้างครอบครัวใหม่ที่อบอุ่นของลูกในอนาคต

 

นอกจากนี้สิ่งที่ควรสังเกตเมื่อลูกเรียนพิเศษ คือ ลูกแสดงอาการไม่สนใจการเรียนที่โรงเรียนจนครูเอ่ยปากหรือไม่ เพราะการไปเรียนพิเศษอาจทำให้ลูกได้เรียนและได้ฝึกทำแบบฝึกหัดล่วงหน้ามาแล้ว ลูกจึงแสดงอาการไม่สนใจสิ่งที่ครูสอน ทำให้มีปัญหาพฤติกรรมในชั้นเรียน เช่น ชวนเพื่อนคุย เล่นระหว่างเวลาเรียน ส่งเสียงรบกวนในห้องเรียน ทำให้เพื่อนๆ รำคาญและไม่พอใจ อย่างนี้การเรียนพิเศษล่วงหน้าสำหรับลูกอาจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีค่ะ

 
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1089&sub_id=2&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด