ได้เวลาลด ละ เลิก เนื้อสัตว์


987 ผู้ชม


สำหรับใครที่สนใจลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ มาทำความรู้จักถึงข้อดีและหลักการกินที่ถูกต้องกันไว้สักหน่อยดีกว่า         สำหรับใครที่สนใจลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ มาทำความรู้จักถึงข้อดีและหลักการกินที่ถูกต้องกันไว้สักหน่อยดีกว่า 

เรื่องแรกที่หลายๆ คนนึกถึงก็คงเป็นเรื่องบุญกุศลที่งดเว้นจากการเบียดเบียนชีวิตสัตว์ร่วมโลกอื่นๆ อันนี้ก็ใช่ แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากกว่าก็คือเรื่องของสุขภาพ ที่กล้าพูดอย่างนี้ก็เพราะเนื้อสัตว์ (โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่) ที่เรากินกันนั้นมักมีสารพิษปะปนอยู่ เนื่องจากก่อนถูกฆ่าเพื่อทำอาหารนั้น สัตว์จะเครียดจนหลั่งสารที่เป็นพิษออกมาทั่วตัวเลยทีเดียว 
นอกจากนั้นเมื่อดูจากสรีระของคนเราเองที่ฟันไม่ได้แหลมคม แถมมีลำไส้ยาว ซึ่งลักษณะแบบนี้คล้ายกับสัตว์ในกลุ่มกินพืช เพราะฉะนั้นมนุษย์อย่างเราๆ น่าจะเหมาะกับการกินพืชผักผลไม้ ที่ใช้เวลาย่อยสลายเร็ว ไม่ค้างเน่าเสียอยู่ในสำไส้ยาวๆ จะดีกว่า 
รู้หลัก...ไร้ปัญหา: สิ่งที่อาจทำให้กังวลใจเกี่ยวกับการกินเจหรือมังสวิรัติก็คือ กลัวว่าร่างกายจะขาดหนึ่งในอาหาร 5 หมู่ที่สำคัญอย่างโปรตีนไปนั่นเอง ความจริงแล้วในพืชผักต่างๆ ก็มีกรดอะมิโนเช่นเดียวกับเนื้อสัตว์ แต่ที่อาจจะเป็นรองก็ตรงที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ในแหล่งเดียวเหมือนในเนื้อสัตว์เท่านั้นเอง ดังนั้นถ้ารู้จักจัดสรรเลือกกินให้ถูกต้องก็สบายใจหายห่วงได้ 
กลุ่มมังสวิรัติที่ต้องดูแลเรื่องอาหารมากหน่อยก็น่าจะเป็นกลุ่มไม่กินนม ไม่กินไข่ หรือกลุ่มที่กินเจแบบข้าวต้มกับผักดอง ต้มผัก แล้วไม่ได้เสริมถั่วและธัญพืชต่างๆ เลย ซึ่งถ้ากินต่อเนื่องกันเป็นเวลานานๆ อาจจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารได้ 
สำหรับคนที่สนใจจะงดเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นช่วงกินเจ 9 วัน หรืออยากจะเป็น vegetarian ดูบ้าง อย่าลืมหลักง่ายๆ ต่อไปนี้ 
เติมส่วนขาด ปรับสมดุล: เมื่องดเนื้อสัตว์ ไข่ หรือนม เราจึงต้องกินอาหารจากแหล่งอื่นที่ให้โปรตีนเช่นเดียวกัน เป็นต้นว่า เนื้อสัตว์ 1 ช้อนโต๊ะ เท่ากับถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ หรือเต้าหู้ 1/4 ก้อน หรือโปรตีนเกษตร 1 ช้อนโต๊ะ ซึ่งถ้ากินโปรตีนจากถั่วเหลืองวันละ 6-8 ช้อน พร้อมกับข้าวกล้องกับงาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะขาดโปรตีน 
ส่วนแคลเซียมหรือธาตุเหล็ก ก็พบได้ในในผักสดหลายชนิด สำหรับผักที่มีธาตุเหล็กมากได้แก่ ใบชะพลู ใบขี้เหล็ก ใบบัวบก ใบยอ ฯลฯ ส่วนแหล่งแคลเซียมที่น่าสนใจก็ได้แก่ งาดำ ยอดแค ผักโขม ฯลฯ 
แต่สิ่งที่ต้องเสริมจริงๆ เนื่องจากไม่มีในพืชคือ วิตามิน B12 ซึ่งถ้างดกินเนื้อสัตว์ต่อเนื่องกันยาวนานเป็น 10 ปีก็อาจจะจำเป็นต้องใช้เสริมด้วยวิตามิน B 12 สำเร็จรูปเพิ่มเติม 
หมุนเวียนให้หลากหลาย: เพื่อให้ได้สารอาหารครบคุณค่า เราต้องไม่กินแต่ของซ้ำๆ กันตลอด แต่ต้องหมุนเวียนอาหารที่กินในแต่ละวันให้หลากหลายด้วย 
เน้นอาหารที่ผ่านการดัดแปลงน้อย: เลือกกินอาหารที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวกล้อง ผัก-ผลไม้สด รวมถึงธัญพืชต่างๆ เนื่องจากอาหารที่ผ่านการดัดแปลงน้อยจะคงคุณค่าอาหารมากกว่าที่ผ่านการขัดสี ต้มตุ๋น จนคุณค่าวิตามินต่างๆ สูญเสียไปหมด 
เลือกกินอย่างระวัง: มีหลายๆ คนบ่นว่ากินเจแล้วน้ำหนักขึ้น นั่นอาจจะเป็นเพราะกินแป้ง ของทอด รวมถึงของมันมากเกินไป หากจะกินเจก็ขอแนะนำว่าควรเลือกแบบที่ไม่ปรุงมันมาก ลดของทอดลง เลือกเป็นแบบต้ม นึ่งที่ปรุงสดใหม่ รวมถึงกินผักผลไม้สดๆ มากขึ้น ก็จะช่วยให้คุณๆ กินเจแบบสบายใจสบายตัวมากขึ้น 

 

โปรตีนเกษตร...ปลอดภัยหรือเปล่า: ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล จากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของการรับประทานโปรตีนเกษตรว่า “โปรตีนเกษตรเป็นโปรตีนจากถั่วเหลือง ซึ่งผ่านกระบวนการผลิตทางวิทยาศาสตร์การอาหาร มาพัฒนาตัวเนื้อถั่วเหลืองเพื่อให้เก็บได้นานและมีเนื้อสัมผัสคล้ายเนื้อสัตว์ ดังนั้นจึงสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย ไม่มีอันตรายใดๆ”

 

รู้อย่างนี้แล้ว ก็กินมังสวิรัติ และกินเจได้อย่างสบายใจแล้วนะคะ เพราะเราจะยังได้สารอาหารครบถ้วน และไม่อ้วนแน่นอนค่ะ ถ้าเรากินอย่างถูกต้องตรงตามหลักที่ว่ามาทั้งหมด
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1013&sub_id=95&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด