โรคหรืออาการที่เกิดขึ้นในเด็กนั้น บางชนิดมีอาการที่คล้ายคลึง จนทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลไปกับอาการที่เกิดขึ้นของลูกน้อย คือ โรคส่าไข้มีลักษณะอาการที่คล้ายคลึงกับโรคหัด หรืออีสุกอีใส เป็นโรคที่ถือว่าพบบ่อยในเด็กเล็กตั้งแต่ 6-15 เดือน...
แต่อย่าเพิ่งกังวลไปค่ะ เพราะโรคนี้เป็นเองหายเอง เพียงแต่ระหว่างที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลลูกน้อยอย่างดี เพราะอาจจะเกิดอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้น เช่น อาการชักเพราะไข้สูงเกิดนั้นเองค่ะ
ภ
รับมือส่าไข้
*เมื่อลูกมีไข้ควรหมั่นเช็ดตัวลูกบ่อยครั้งอย่างเบามือ
: เพราะโรคส่าไข้จะทำให้เด็กมีอาการไข้สูง อาจสูงได้ 40องศาเซลเซียส ซึ่งเด็กบางคนอาจมีโอกาสชักได้ถึง 10-15%
* ให้ลูกจิบน้ำบ่อยครั้ง
: เพื่อลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายลง
* รับประทานยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ตามอาการป่วยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
: ควรเป็นยาที่คุณหมอแนะนำ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง
* หากลูกงอแง คุณพ่อคุณแม่อาจจะอุ้มเดิน ลูบที่หลังเบาๆ อย่าดุหรือตวาดเพราะจะยิ่งทำให้ลูกไม่สบายใจและงอแงเพิ่มขึ้นไปอีก
: ควรอยู่กับลูกตลอดเวลา ไม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าทีพี่เลี้ยง เพราะการได้ใกล้ชิดพ่อแม่จะทำให้ลูกสบายใจขึ้น
* ผื่นจะเกิดขึ้นหลังวันที่ไข้ลดประมาณวันที่3-5นั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องทายา ทาแป้ง หรือถูแรงเพื่อให้ผื่นหายเร็วๆ อาจจะทำให้ผิวบางๆ ของลูกอักเสบ ควรเช็ดตัวอย่างเบามือเช่นเคยค่ะ
:ผื่นจากส่าไข้จะไม่ทำให้ลูกน้อยคันแต่อย่างใด แต่หากลูกคันอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น ซึ่งควรพบคุณหมอจะดีกว่า
ภ
Concern:
ปกติโรคส่าไข้หากผื่นขึ้นแล้วอาการของไข้จะค่อยลดลง แต่หากผื่นขึ้นจนจะจางหายแล้วลูกยังมีไข้สูงอยู่ อาจจะไม่ใช่โรคส่าไข้แล้วจึงควรรีบพบคุณหมอด่วนที่สุดเลยค่ะ
ภ
รู้จักส่าไข้ในวันที่ยังไม่เป็น
ส่าไข้ เป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Human Herpesvirus Type 6(HHV 6) โรคนี้มีชื่อทางการแพทย์ว่า Roseolar Infantum(หัดดอกกุหลาบ) หรือExantham Subitum หรือ Sixth Disease (เพราะเป็นโรคที่จะมีผื่นขึ้นประมาณวันที่6ของโรคส่าไข้) สามารถติดต่อกันได้ทางการหายใจ ไอหรือจามรดกัน อาการส่าไข้บางคนอาจจะมีน้ำมูกไหล เจ็บคอ รับประทานอาหารได้น้อย
ส่าไข้จะมีอาการไข้ประมาณ 3-5วัน แล้วอาการไข้จะลดลงประมาณ12-24 ชั่วโมง หลังไข้ลดจะมีผื่นตุ่มแดงเล็กๆ ขนาด 2-5 มิลลิเมตร สีออกแดงชมพูคล้ายสีดอกกุหลาบ(จึงเรียกอีกชื่อว่า Roseolar มาจาก Rose ที่แปลว่าดอกกุหลาบ) เริ่มขึ้นตั้งแต่บริเวณช่วงลำตัว จากนั้นจะลามไปที่ คอ หน้า และต้นแขนต้นขา โดยอาการผื่นจะเป็นประมาณ 1-3 วันแล้วจะจางหายไปเองโดยไม่มีรอยดำหรือแผลเป็นใดๆ
ภ
ดูอย่างไรส่าไข้ต่างจากหัดเยอรมันและอีสุกอีใส
* หากลูกน้อยเป็นโรคหัด ในวันที่4 ของอาการไข้ ลูกน้อยจะมีผื่นขึ้น มีอาการไอที่รุนแรงมากกว่า โดยผื่นจะเริ่มขึ้นบริเวณหน้าก่อน ลามมาตามตัวไปจนถึงขา เมื่อผื่นถึงขาแล้วไข้จึงจะลด และหลังผื่นหายอาจจะมีรอยดำจางๆ ขณะที่ส่าไข้จะไม่เหลือรอยจางใดๆ ที่ผิวลูกน้อย
* ลักษณะตุ่มหนองหรือตุ่มใส คืออาการของโรคอีสุกอีใส และหากมีตุ่มหนองก็ควรรีบพบคุณหมอ เพราอาจจะเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดรุนแรง ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
ฝากไว้นิดค่ะว่าจริงแล้วไม่ว่าลูกน้อยจะป่วยด้วยโรคใดหรือมีอาการเช่นใด การจะให้ลูกน้อยก้าวผ่านอาการต่างๆไปให้ได้นั้น อยู่ที่สติของพ่อแม่เป็นหลักในการรับมือกับสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับลูกน้อยนะคะ
ภ
Modern Mom’s Tips:
หากลูกมีอาการชักคุณพ่อคุณแม่ควรจับนอนตะแคงหน้าเพื่อป้องกันการสำลัก ไม่จำเป็นต้องหาช้อนหรืออะไรมางัดปากนะคะ เพราะอาจจะทำให้ฟันหักได้ รีบเช็ดตัวลดไข้แล้วนำส่งพบคุณหมอด้วยที่สุดค่ะ
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=870&sub_id=2&ref_main_id=2