จากที่ลุง ๆ ป้า ๆ เคยตกใจกับเสื้อสายเดี่ยว เอวลอย ปล่อยให้ร่องอกตื้น ๆ และสะดือบุ๋มโผล่บนโผล่ล่าง...ระเรื่อยไปจนถึงกางเกงเอวต่ำสั้นจุ๊ด ที่เอื้ออำนวยให้กางเกงในและร่องก้น ได้แย่งกันปรากฏตัวในที่สาธารณะ
ภาพชิว ๆ แบบนี้ มีให้เห็นจนชาชินในแหล่งรวมวัยรุ่นหลายแห่งรวมถึงย่านความรู้ เช่นโรงเรียนกวดวิชาต่าง ๆ ด้วย
ท่ามกลางสาวน้อยเปรี้ยวจี๊ดที่แต่งเนื้อแต่งตัวมากขึ้นด้วยอาภรณ์น้อยชิ้นลง สังคมก็ได้เห็นปรากฎการณ์บางอย่างของฝ่ายชายที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มทั้งหลายด้วย
พวกเขานิยมสวมเสื้อตัวเล็กคับติ้วที่ตัดจากผ้าลายพร้อยอ่อนนุ่ม ไม่ต่างจากอาภรณ์ ของสตรี
พวกเขาดูแลเส้นผมอย่างดีด้วยช่างผีมือประณีต และไม่รีรอที่จะโกรกสีผมให้สดใส อินเทรนด์
พวกเขาประพรมน้ำหอมเพิ่มแรงดึงดูดแก่บุคลิกภาพยียวน
และที่สำคัญ...พวกเขาเรียนรู้และมีความสุขกับการลงเมคอัพ รองพื้น เติมแป้งหรือแม้แต่จะเคลือบริมฝีปากบาง ๆ หลังจากที่ใช้เวลากับการบำรุงผิวพรรณทุกเช้าค่ำ...
วิถีแห่งความ “รักหล่อ” ของพวกเขาแทบไม่แตกต่างจากความ “รักสวยรักงาม” ของเด็กหญิงร่วมวัยทีนสักเท่าไรเลย
หยุดนะ...อย่าเข้าใจผิด
อย่าด่วนคิดสรุป...ว่าพวกเขาเป็นกระเทย...เป็นเกย์...หรือเป็นตุ๊ด
นั่นไม่ใช่ประเด็น
พวกเขาเรียกตัวเองว่า...เมโทรเซ็กช่วล
ชื่อเซ็ก ๆ ...ช่วล ๆ ... ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องสัมพันธภาพทางเพศสักเท่าใดนักไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นเฮเทอโรเซ็กช่วล (คือ พึงพอใจทางเพศต่อเพศตรงข้าม) หรือ โฮโมเซ็กช่วล (คือ พึงพอใจทางเพศกับคนเพศเดียวกัน)...หรือไบเซ็กช่วล (คือ สามารถพึงพอใจ มีความสุขกับทั้งสองเพศได้)
เพราะเมโทรเซ็กช่วลเป็นอะไรก็ได้สักอย่างในเชิงความพึงพอใจทางเพศ
แต่จุดยืนต่อการเรียกตนเองว่าเมโทรเซ็กช่วลนั้น คือการเป็นมนุษย์ในสรีระแบบชาย แต่ขอมีความรัก ความพอใจที่จะดูแลเนื้อตัวและบุคลิกภาพ
...ให้เนี๊ยบ...ให้เท่...ให้หล่อสำอาง...สมบูรณ์ในแบบที่อยู่ในกระแส
แค่นั้นเอง ทว่า...เรื่องนี้ อาจไม่ใช่ “แค่นั้นเอง”
หากพ่อหนุ่มวัยพรีทีนของคุณพ่อคุณแม่เริ่มมีความสนใจฝักใฝ่ หรือถึงขั้นตะเกียกตะกายจะขึ้นไปเดินอยู่ในวิถีของเมโทรเซ็กช่วลกับเขาด้วย
พ่อแม่จำนวนไม่น้อย...ทนทำใจไม่ได้ ความหวั่นเกรงว่าลูกจะเริ่มกลายเพศจากท่าทีเช่นนั้น บวกกับความหมั่นไส้ต่อการใช้เวลามากมายกับรูปลักษณ์ สามารถทำให้พ่อแม่ “ออกอาการ” ได้
เริ่มหงุดหงิด ตัดพ้อ ต่อว่า หรือถึงขั้นชวนทะเลาะกับลูกได้ไม่เว้นแต่ละวัน คุณพ่อคุณแม่คะ ขณะนี้ พ.ศ. 2553 หรือ ค.ศ. 2010 แล้ว
ถ้าจะย้อนหลังไปประมาณสี่ซ้าห้าสิบปีที่แล้ว
อาจจะพอจดจำได้ ถึงวันที่ตัวเราเองเคยถูกพ่อแม่กระแนะกระแหน เรื่องการนุ่งเสื้อเชิ้ต ตัวโคร่งแสนเท่นั้น หรือกางเกงนักเรียนขาสั้นบาน ๆ ตัวโน้น
คุณพ่อคงรีบเถียงว่า...มันต่างกัน
ยุคนั้น คุณพ่อไม่ได้ทำตัวออกลักเพศแบบเมโทรเซ็กช่วลวันนี้
...ถ้าคิดเช่นนั้น...ให้ย้อนกลับไปอ่านประโยคในห้าหกบรรทัดข้างบนโน้นอีกครั้ง ขณะนี้ พ.ศ. 2553 หรือ ค.ศ. 2010 แล้ว
กระแสความเป็นยูนิเซ็กส์ คือการละม้ายคล้ายคลึงในเชิงความชอบและรสนิยมระหว่างเพศชายและเพศหญิงแทบจะกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวไปแล้ว
อะไรที่ผู้หญิงเคยแต่ง เคยชอบ เคยสวย
มนุษย์ผู้ชายก็ขอมั่งดิ
แม้ยุคสมัยเปลี่ยนไป แต่จิตวิทยาพัฒนาการกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงนัก
วัยรุ่นวันนี้ ยังคงถามหาความแตกต่าง และความแปลกแยกจากสิ่งที่พ่อแม่ประสงค์
แต่จะต้องการเป็นในสิ่งที่ผองเพื่อนยอมรับ ถือเป็นปรากฎการณ์เช่นเดียวกับวิถีที่เคย เกิดขึ้นกับวัยรุ่นในวันงาน
จะต่างไปบ้าง ก็คงเป็นส่วนของสิ่งแวดล้อมที่มีบทบาทในการเป็นต้นแบบปรับแต่งพ่อหนูแม่หนูในวันนี้ให้ออกรสชาติเป็นปลาดิบ...เป็นกิมจิ...ฉีกไปที่จากวัยรุ่นยุคโน้นเคยปลาบปลื้ม กับแฮมเบอร์เกอร์หรือฮอทด็อก
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะยึดเหนี่ยวพ่อหนุ่มที่กำลังเลียนแบบวอนบินในวันนี้ หรือ หนุ่มน้อยที่พยายามเลียนแบบเอลวิสในวันโน้นก็ยังคงเป็นสิ่งเดียวกัน...ความรัก...ความเข้าใจและกำลังใจจากพ่อแม่
หากพ่อหนูวัยพรีทีนของคุณกำลังก้าวเข้าสู่กระแสเมโทรเซ็กช่วล
จงอย่าลืมเพิ่มความยืดหยุ่นในการปฏิบัติต่อพ่อหนู
อย่าปล่อยให้ความแปลกแยกที่น่าหมั่นไส้มาทำให้คุณเผลอผลักไสหรือกดดันลูก ยืนยันความรัก สังเกตสังกา และหาโอกาสคอยเติมเต็มคุณภาพภายในด้วยการชื่นชม ให้ลูกเกิดความมั่นคงในส่วนดีของตนเอง สร้างแรงจูงใจให้ลูกมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพทางสติปัญญา ดูแลอารมณ์และทักษะทางสังคมร่วมไปกับการกล่อมเกลาจริยธรรมให้งดงาม ทั้งมีเปลือกนอกที่สดใสในแนวเมโทรเซ็กช่วลให้เพื่อนร่วมก๊วนได้ปลื้ม
แถมยังมีเนื้อในที่คงความเป็นลูกรักคนดีที่พ่อแม่ภาคภูมิใจและชื่นชมได้อีก
ไม่เลวนักหรอกน่า...การมีลูกเป็นพ่อหนุ่มเมโทรเซ็กช่วลคนนี้.
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=854&sub_id=3&ref_main_id=2