กำลังระบาดกันทีเดียวในช่วงนี้.. ว่ากันว่าไข้ออกผื่นนั้นมีทั้งชนิดธรรมดาและไม่ธรรมดา เอ...ทั้งสองแบบแตกต่างกันอย่างไร แล้วถ้าลูกมีอาการคล้ายๆ อย่างนี้ขึ้นมาสักครั้ง เรา จะรู้และดูแลอย่างถูกต้องได้อย่างไร ก็แหม..มีทั้งไข้ทั้งผื่นเลยนี่นา ...
กำลังระบาดกันทีเดียวในช่วงนี้.. ว่ากันว่าไข้ออกผื่นนั้นมีทั้งชนิดธรรมดาและไม่ธรรมดา
เอ...ทั้งสองแบบแตกต่างกันอย่างไร แล้วถ้าลูกมีอาการคล้ายๆ อย่างนี้ขึ้นมาสักครั้ง เรา จะรู้และดูแลอย่างถูกต้องได้อย่างไร ก็แหม..มีทั้งไข้ทั้งผื่นเลยนี่นา
เมื่อผื่นมาหลังไข้ลด
คุณแม่ผู้หนึ่งพาลูกสาวอายุ 10 เดือนมาปรึกษาด้วยปัญหามีผื่นขึ้นหลังจากมีไข้สูงเมื่อ 3 วันก่อน ลูกมีไข้สูงมากจนกลัวลูกจะชัก เนื่องจากเคยได้ยินจากเพื่อนบอกว่าอย่าปล่อยให้ลูกเป็นไข้สูง จะทำให้ชักและอาจทำให้ลูกเอ๋อไปเลย คุณแม่ก็รีบพาลูกไปพบแพทย์ แพทย์วัดไข้พบว่าไข้สูงมาก และมีคอแดงเล็กน้อย สาเหตุของไข้น่าจะเกิดจากเชื้อไวรัส คุณหมอได้จัดยาลดไข้มาให้กินเป็นยาข้นๆสีส้ม คุณหมอที่ตรวจบอกว่าจะทำให้ไข้ลดเร็ว
กินยาอยู่ 2 วันพร้อมทั้งเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นแต่ไข้ก็ยังไม่ลด เมื่อวานก็ได้พาลูกไปตรวจซ้ำ แพทย์ได้ให้ยาแก้อักเสบผสมน้ำให้กินเพิ่ม วันนี้ไข้ลดลง แต่พบว่าลูกมีผื่นขึ้นเต็มตัว ลูกสาวก็ดูสบายดีเล่นได้ คุณแม่กังวลว่าลูกจะแพ้ยาแก้อักเสบ และจะต้องทำอย่างไรต่อไป ต้องเปลี่ยนยาแก้อักเสบเป็นตัวอื่นหรือไม่ ถ้าหยุดยาแก้อักเสบแล้วลูกจะมีไข้กลับมาอีกหรือไม่
คุณแม่ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนกับปัญหานี้คงจะถึงบางอ้อและก็จะตอบได้ว่าสาเหตุของผื่นในเด็กคนนี้น่าจะเป็น....ไข้ออกผื่นที่เรียกว่าหัดดอกกุหลาบ
ไข้ออกผื่นเกิดจากอะไร-ใครนะเป็นบ่อย
สาเหตุของไข้ออกผื่นเกิดจากเชื้อไวรัส พบบ่อยในเด็กเล็กๆ อายุต่ำกว่า 2 ปี โดยเฉพาะเด็กที่อายุระหว่าง 8 เดือนถึงหนึ่งขวบมักพบมากที่สุด เพราะเป็นวัยที่ภูมิคุ้มกันยังไม่ดีนัก
ไข้ออกผื่นที่พบบ่อยที่สุดก็เป็นไข้ออกผื่นที่มีอาการแบบเดียวกับเด็กในรายที่เล่าให้ฟังข้างต้นคือจะมีไข้สูง 3 วัน กินยาลดไข้ก็จะไม่ค่อยลด พอวันที่ 4 ไข้ก็จะลดลงทันทีพร้อมทั้งมีผื่นเป็นจุดแดงๆทั่วทั้งตัว ในระยะที่มีไข้สูงเด็กบางรายก็อาจจะมีอาการซึม อาเจียน กระหม่อมตรงกลางศีรษะโป่งตึง หรือชัก โดยเฉพาะในรายที่มีประวัติครอบครัว พ่อแม่ พี่น้องหรือญาติมีอาการชักเวลามีไข้สูง
ยังมีไวรัสอีกหลายตัวที่ทำให้เกิดผื่นแบบเดียวกันได้ ไวรัสเหล่านั้นจะทำให้มีไข้ต่ำๆ มีอาการอาเจียน ท้องเสีย ถ่ายเหลว ต่อมาก็มีผื่นตามตัว พวกนี้เราก็เรียกรวมๆ กันว่าเป็น ส่าไข้ได้เช่นเดียวกัน
วิธีสังเกตรู้และดูแล
ปกติในระยะที่มีไข้สูง จะไม่สามารถบอกได้ว่าลูกจะเป็นไข้ออกผื่น แพทย์ที่มีประสบการณ์สูงมักจะสามารถทำนายได้ว่าเด็กอาจมีปัญหาไข้ออกผื่น ขอให้สังเกตว่าหมอจะใช้คำว่า “ทำนาย” และ “อาจจะ” หมายความว่า คาดเดา เนื่องจากโรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสจะระบาดเป็นช่วงเวลาและในกลุ่มอายุใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะฤดูหนาวและจะมีเด็กเป็นพร้อมๆ กันหลายราย แพทย์ที่ตรวจเด็กจะทราบทันทีว่า ระยะนั้นๆ มีโรคอะไรระบาดอยู่บ้าง
เมื่อตรวจร่างกายโดยละเอียดแล้ว หากแพทย์สงสัยว่าจะเป็นไข้ออกผื่นก็จะบอกให้คุณแม่ดูแลเด็กโดยให้กินยาลดไข้เพียงอย่างเดียว ทุก 4 ชั่วโมง และให้เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำอุ่น ค่อยๆ ให้ไข้ลดลงช้าๆ อย่าใช้น้ำเย็นเพราะจะทำให้เด็กมีไข้หนาวสั่น ทำให้ไข้กลับสูงมากขึ้น และให้สังเกตว่าถ้าไข้ครบ 3 วันแล้ว วันที่ 4 ไข้จะลดลงพร้อมกับเห็นผื่นขึ้นตามตัวและหน้า ผื่นเป็นเม็ดแดงๆ กระจายทั่วๆไป อีกประมาณ 2-3 วันผื่นก็จะลดไปเองไม่ต้องกังวล ไข้ออกผื่นนี้ไม่อันตราย
ไข้ออกผื่น..แบบไหนน่ากลัว VS ไม่น่ากลัว
ยังมีโรคที่ทำให้มีไข้และมีผื่นขึ้นตามตัวอีกหลายชนิดที่รุนแรงเช่น ผื่นแพ้ยา ไข้ออกหัด ไข้เลือดออก ไข้ดำแดง ไข้และผื่นที่เกิดจากการติดเชื้อผิวหนังพุพอง
เด็กส่วนใหญ่มักจะไม่มีปัญหาจากไข้ออกหัดเนื่องจากโรคนี้ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันซึ่งจะได้รับตอนอายุ 9-12 เดือน เด็กคนไหนที่ยังไม่ได้ฉีดหรือคุณแม่ลืมพาไปฉีดในช่วงอายุดังกล่าวก็รีบพาไปฉีดเสียนะคะ ส่วนไข้อื่นๆที่กล่าวมามักจะมีความผิดปกติให้ตรวจพบและวินิจฉัยได้ไม่ยากโดยกุมารแพทย์ทั่วๆไป
สำหรับไข้เลือดออกจะมีไข้มากกว่า 4 วัน เด็กจะซึม อาเจียนและกินอาหารไม่ได้ ดังนั้นถ้าไข้เกิน 3 วันก็ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่นๆ ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนและมีการประกาศว่าไข้เลือดออกกำลังระบาดยิ่งต้องระวังมากขึ้น
ผื่นแพ้ยาเป็นปัญหาที่หมอกังวลที่สุดค่ะ นั่นเพราะว่าการแพ้ยามีตั้งแต่อาการน้อย มีผื่นคันไม่กี่วัน เมื่อหยุดให้ยาที่แพ้ ผื่นจะค่อยๆหายไป ไปจนกระทั่งถึงผื่นแพ้ยาที่รุนแรงจนถึงกับทำให้เสียชีวิตได้
ลักษณะผื่นมีได้หลายรูปแบบ มีทั้งลักษณะเฉพาะที่บอกได้ทันทีว่าเป็นผื่นแพ้ยาและลักษณะเหมือนไข้ออกผื่นธรรมดา หากดูโดยลำพังลักษณะผื่นเองจะแยกไม่ได้จากไข้ออกผื่น ถ้าสงสัยว่าอาจแพ้ยาต้องหยุดยาทันที ในเด็กรายที่มาปรึกษาก็ควรจะหยุดยาทันที เนื่องจากไข้ออกผื่นที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสเองก็ไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะค่ะ
ทำอย่างไรดีถ้าลูกมี "ไข้ออกผื่น"
สำหรับลูกอายุต่ำกว่า 2 ปี โดยเฉพาะช่วงอายุ 8-12 เดือน ในช่วงฤดูหนาว หากมีแต่ไข้สูง ไม่มีอาการอื่นๆ เช่น ไอ หวัด อาเจียน ไม่ซึม เล่นได้บ้างกินนมและอาหารได้ปกติ ก็ให้เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำอุ่น กินยาพาราเซตามอล ขนาดของยาต้องให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวเด็ก รอดูถ้าครบ 3 วันไข้ลง และมีผื่นขึ้นก็สรุปได้ว่าลูกเป็นไข้ออกผื่นธรรมดา เด็กเกือบทุกคนมักจะมีปัญหานี้ค่ะ
แต่ถ้าลูกมีอาการที่ไม่ปกติ คือซึม อาเจียนมาก ทำท่าจะชัก มีประวัติไข้สูงชักในครอบครัว ควรพาไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของไข้
ถ้าไปพบแพทย์มาแล้ว โดยเฉพาะในรายที่แพทย์ให้กินยาปฏิชีวนะหรือที่เรียกว่ายาฆ่าเชื้อ ยาลดไข้ที่ไม่ใช่พาราเซตามอลซึ่งมักจะเป็นน้ำข้นๆ สีส้ม ขอให้หยุดยาปฏิชีวนะและยาลดไข้ดังกล่าวทันทีและกลับไปพบแพทย์คนเดิมเพื่อจะได้ทราบว่าผื่นนั้นเป็นไข้ออกผื่นธรรมดาหรือผื่นแพ้ยา ควรจดชื่อยาและแจ้งคุณหมอด้วยว่าลูกได้รับยาอะไร จะได้ทราบว่าในอนาคตต้องหลีกเลี่ยงยาดังกล่าวนั้นหรือไม่
ไข้ออกผื่นแบบไหน.."ไม่ธรรมดา"
นอกจากผื่นแพ้ยาที่บรรดาหมอๆทั้งหลายกลัวและไม่อยากจะเจอะเจอแล้วก็ยังมีไข้ออกผื่นอีกหลายอย่างที่ไม่ธรรมดาซึ่งจริงๆ แล้วแยกกันไม่ยากค่ะ
ขอย้ำอีกครั้งว่าถ้าเป็นไข้ออกผื่นธรรมดาก็เป็นไข้ไม่มีอาการรุนแรงอื่นๆ ร่วมด้วย อาการไข้จะมีอยู่ 3-4 วัน ก็หายไปเอง ผื่นก็เป็นผื่นแดงเล็กๆ บางคนผื่นบางแห่งรวมเป็นกระจุกเล็กๆ ไม่คัน
แต่ถ้าเป็นไข้ออกผื่นไม่ธรรมดาก็จะมีอาการอื่นๆนอกจากไข้ โดยไข้อาจสูงหรือต่ำก็ได้ จำนวนวันที่มีไข้มักจะมากกว่า 3-4 วัน ผื่นอาจมีพร้อมไข้ตั้งแต่วันแรกหรือหลังจากมีไข้หลายวัน ขณะที่มีผื่นขึ้นก็ยังคงมีไข้อยู่ ในรายที่แพ้ยามักจะเป็นปื้นแดงหนาและมีอาการคันร่วมด้วย ลักษณะผื่นที่ไม่ธรรมดาอื่นๆ ได้แก่
- ผื่นที่คลำดูหยาบเหมือนกระดาษทราย
- ผื่นแดงเป็นดอกดวงกลมๆที่ตรงกลางแดงช้ำเข้มเหมือนเป้ายิงปืน
- ผื่นที่แดงเป็นปื้นใหญ่ เวลาอุ้มหรือจับตัวเด็กจะร้องกวนงอแง แสดงว่าน่าจะมีอาการเจ็บร่วมด้วย
- ผื่นที่มีลักษณะแดงถลอกเหมือนถูกน้ำร้อนลวก
บางโรคจะมีอาการไอมาก เจ็บคอ ตาแดงตาแฉะ กลัวแสงต้องคอยหลับตาไม่สู้แสง คอบวม ต่อมน้ำเหลืองข้างคอบวม ตับม้ามโต ริมฝีปากแดงจัด ลิ้นแดงเป็นฝ้าขาวเหมือนลูกสตรอว์เบอรี่ หรือเป็นแผลในปาก
เป็นแล้วเป็นอีกไหมนะ?
ถ้าเป็นไข้ออกผื่นที่เรียกว่า "หัดดอกกุหลาบ" แล้วครั้งหนึ่งมักจะไม่เป็นอีก ตามประสบการณ์ของหมอยังไม่พบเป็นซ้ำ ตามทฤษฎีแล้วก็ไม่ควรเป็นซ้ำเนื่องจากโรคนี้เกิดจากไวรัสตัวหนึ่ง เมื่อเป็นแล้วก็มักจะสร้างภูมิต้านทานไม่เป็นอีก เช่นเดียวกับโรคหัด หัดเยอรมัน และสุกใส
หัดดอกกุหลาบเป็นโรคที่ไม่รุนแรง ไม่ค่อยมีอาการอื่นแทรกซ้อนที่รุนแรง ไม่เหมือนโรคติดเชื้อไวรัสอื่นๆที่กล่าวมา โรคนี้จึงไม่มีการผลิตวัคซีนป้องกัน คุณแม่อาจจะเคยมีลูกที่มีอาการไข้ออกผื่นซ้ำ หรือเคยเห็นเด็กอื่นๆ ที่มีไข้ออกผื่นหลายครั้ง ปัญหาไข้ออกผื่นที่พบซ้ำนั้นมักจะเป็นไข้ออกผื่นที่เกิดจากเชื้อไวรัสตัวอื่นๆได้ อาการไข้และการดำเนินโรคจะแตกต่างกัน ซึ่งก็จะมีกลุ่มไวรัสอื่นๆที่ทำให้มีไข้ออกผื่นที่ไม่รุนแรง การดูแลก็ให้ดูแลรักษาตามอาการเช่นเดียวกันค่ะ
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=816&sub_id=2&ref_main_id=2