แพ้ท้อง...บอกสุขภาพเจ้าตัวเล็ก


723 ผู้ชม


อาการแพ้ท้องอาจทำให้คุณแม่รู้สึกอ่อนเพลีย ทรมาน ไม่มีแรงทำงาน อาหารที่เคยกินอร่อยก็กลับเหม็นไปหมด บางคนนถึงขึ้นที่เรียกว่าเข็ดขยาดกับการตั้งท้องไปเลยค่ะ         อาการแพ้ท้องอาจทำให้คุณแม่รู้สึกอ่อนเพลีย ทรมาน ไม่มีแรงทำงาน อาหารที่เคยกินอร่อยก็กลับเหม็นไปหมด บางคนนถึงขึ้นที่เรียกว่าเข็ดขยาดกับการตั้งท้องไปเลยค่ะ 

แต่อิงจันทร์กำลังจะบอกคุณว่า ดีใจเถอะค่ะ ที่คุณแพ้ท้อง!

 

เพราะอาการแพ้ท้องนอกจากจะบอกให้รู้ว่ากำลังมีอีกหนึ่งชีวิตเริ่มต้นขึ้นในท้องของคุณแล้ว อาการแพ้ท้องยังบอกเราอ้อมๆ ถึงสุขภาพของตัวเล็กในท้องด้วยดังนี้

* มีงานวิจัยจากต่างประเทศพบว่าคุณแม่ที่มีเลือดออกระหว่างตั้งท้อง จะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะแท้งบุตร แต่ถ้าคุณแม่ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงนี้มีอาการแพ้ท้องเกิดขึ้นควบคู่ไปด้วยล่ะก็ คุณหมอค่อนข้างสบายใจว่าจะมีโอกาสแท้งน้อยกว่าคุณแม่ที่ไม่มีอาการแพ้ท้องเลยค่ะ

* คุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้องจะสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมน SCG ซึ่งผลิตจากรก เป็นฮอร์โมนที่บ่งชี้ถึงการตั้งครรภ์ เพราะทันทีที่เนื้อรกฝังตัวเข้ากับมดลูก เซลล์รกเพิ่มจำนวนขึ้น ก็จะเกิดฮอร์โมน SCG ขึ้นทันทีค่ะ และเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทุกๆ 2-3 วัน โดยจะเพิ่มสูงสุดประมาณสัปดาห์ที่ 10 ของการตั้งครรภ์ ที่ระดับ 50,000-100,000 มิลลิอินเตอร์เนชั่นแนลยูนิตต่อมิลลิลิตร จากนั้นจะลดลงเรื่อยๆ จนอยู่ที่ระดับ 10,000-20,000 ถ้าคุณแม่ยิ่งแพ้มาก ก็แสดงว่าฮอร์โมน SCG ถูกสร้างมาก แสดงว่ารกแข็งแรงดีและสามารถสร้างอาหารไปเลี้ยงตัวอ่อนได้สบายๆ เพราะฉะนั้นถ้าคุณแพ้ท้อง ก็ขอให้สบายใจได้เลยว่าเจ้าตัวน้อยของคุณแข็งแรงดีอยู่ค่ะ

 

ถ้าจู่ๆ อาการแพ้ท้องหายไป !

อาการแพ้ท้องจะเป็นเส้นกราฟที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น และคงที่อยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นจะค่อยๆ ลดลง เพราะฉะนั้นถ้าวันดีคืนดีคุณแม่เคยแพ้ท้อง ตื่นมาแล้วไม่มีอาการเลยสักนิด อย่านอนใจค่ะ รอดูอาการสัก 1-2 วัน ถ้าอาการแพ้ท้องหายไปเลยล่ะก็ ไปให้คุณหมอตรวจดู เพราะนั่นอาจจะหมายถึงการเสียชีวิตของทารกในครรภ์

 

 

แพ้ท้องมากไป อาจเป็นที่มาของอาการผิดปกติ

แพ้ท้องมากดีกับสุขภาพของลูกก็จริงอยู่ค่ะ แต่ก็ต้องคอยสังเกตด้วยว่าการแพ้นั้น ถึงขั้นที่เรียกว่าผิดปกติหรือเปล่า เพราะอาจเป็นที่มาของอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้

1. ส่งผลต่อลูกน้อยในท้อง

บอกยากค่ะว่าอาการแบบไหนแพ้มากจนถึงขั้นที่เรียกว่าผิดปกติ แต่หลักๆ ก็คือให้คุณแม่สังเกตตัวเอง ถ้าน้ำหนักลดจากก่อนท้อง 4-5 กก. ขึ้นไป กินอะไรไม่ได้เลย ดื่มแต่น้ำก็ยังอาเจียน ควรไปพบสูติแพทย์ที่ฝากครรภ์ เพราะถ้าปล่อยไว้จะส่งผลเสียคือ

* ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ระบบต่างๆ ในร่างกายแปรปรวน อาจถึงขั้นไตวายได้

* ช่วงแพ้ท้องที่คุณแม่ที่กินอาหารไม่ได้ ร่างกายจะไม่มีพลังงานก็จะดึงเอาไขมันที่มีอยู่ในร่างกายมาใช้ จนอาจเกิดภาวะความเป็นกรดในร่างกาย ทำให้ออกซิเจนในเลือดน้อยลง เรียกว่าภาวะแลคคีโตนซิส ทำให้ตัวอ่อนได้ออกซิเจนไม่เต็มที่ เพราะมีแต่ของเสียในอยู่ร่างกายค่ะ

* ระบบร่างกายล้มเหลว การที่คุณแม่อาเจียน น้ำย่อยรวมทั้งเกลือแร่ต่างๆ ในกระเพาะก็จะออกมาด้วย จนคุณแม่อ่อนเพลีย เบลอ เพราะระบบในร่างกายไม่สมดุล ส่งผลเสียต่อแม่และลูกได้

* ในช่วง 3 เดือนแรก ถึงแม้คุณแม่จะแพ้ท้องจนแทบกินอะไรไม่ได้ แต่ร่างกายจะมีสต๊อกอาหารไว้ให้ลูกเพียงพอค่ะ แต่ถ้าเลย 3 เดือนไปแล้วคุณแม่ยังแพ้มากๆ ทารกจะเริ่มขาดอาหาร (ลูกต้องได้สารอาหารจากแม่ผ่านทางรก ซึ่งรกจะเริ่มทำงานตอน12 สัปดาห์ไปแล้ว) ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังมีการสร้างอวัยวะต่างๆ ถ้าคุณแม่แพ้หนักจนกินอะไรไม่ได้เลย เด็กอาจมีภาวะทุพโภชนาการ เติบโตช้า สมองที่จะเริ่มสร้างก็แย่ไปด้วยค่ะ

 

2. แพ้มากเพราะลูกแฝด ในกรณีที่ตั้งครรภ์แฝด ฮอร์โมนจะเพิ่มเป็นทวีคูณ จึงทำให้คลื่นไส้อาเจียนมากผิดปกติ

 

3. ครรภ์ไข่ปลาอุก เกิดจากความผิดปกติของรก มีลักษณะเหมือสาคูหรือไข่ปลาเม็ดเล็กๆ โยงต่อกันเหมือนถุงน้ำ ภายในจะมีน้ำใสๆ อยู่ ซึ่งคนที่ตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกจะมีอากาแพ้ท้องรุนแรง และขนาดท้องก็จะโตขึ้นเรื่อยเช่นกันค่ะ

 

แพ้ท้องน้อย-ไม่แพ้เลย อันตรายมั้ย?

คุณแม่ที่มีอาการแพ้น้อยหรือแทบไม่แพ้เลยอาจจะกังวลว่า แล้วแบบนี้เจ้าตัวเล็กจะแข็งแรงหรือเปล่า อันตรายมั้ย ตอบให้สบายใจว่าไม่อันตรายค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีเลือดออกในช่วงตั้งครรภ์ ก็ถือว่าโชคดีที่คุณแม่แพ้น้อย หรือไม่แพ้เลย เพราะคุณแม่จะสามารถกินอาหารได้ปกติ และไม่ต้องทรมานกับอาการแพ้ท้อง

เพราะจริงๆ แล้ว อาการแพ้ท้องจะมากหรือน้อยนั้นแล้วแต่คนค่ะ ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าทำไมจึงแพ้ไม่เท่ากัน สิ่งสำคัญคือคุณแม่ต้องทำใจสบายๆ อย่าเครียด บางคนอาการแพ้ท้องหายไปนานแล้ว แต่ยังดูเหมือนว่าแพ้อยู่เพราะความเครียด ความกังวลนั่นเองค่ะ

โดยปกติอาการแพ้ท้องจะหายไปในช่วงประมาณ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ แต่ส่วนใหญ่ 90% อาการแพ้ท้องหายสนิทเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน

 

สามีแพ้ท้องแทนได้จริงเหรอ?

จริงๆ แล้วคุณพ่อแพ้ท้องแทนไม่ได้นะคะ เพราะว่าเป็นคนละคนกัน แต่อาการแพ้ท้องที่เกิดกับคุณพ่อนั้นเป็นเรื่องความผูกพันทางจิตใจ จึงรู้สึกแทนกัน อาจจะมีการห่วงใยแทนภรรยา มีความรู้สึกร่วมกัน เหมือนเวลาที่เราเห็นภาพสยดสยองแล้วก็เกิดอาการทางร่างกายค่ะ

 

 

กินแก้แพ้ท้อง

- ช่วงที่แพ้ท้องคุณแม่จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน กระเพาะมีการบีบตัวมาก เพราะฉะนั้นควรกินอาหารที่ย่อยง่าย รสหวาน เพราะสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้พลังงานทันที

- คุณแม่อาจจะจิบพวกน้ำอัดลมได้บ้างทีละนิดค่ะ เพราะให้ความหวาน และมีรสซ่าแก้เลี่ยนได้บ้าง แต่ไม่ควรดื่มมากนะคะ และอาจจะกินขนมพวก แครกเกอร์ ขนมปังกรอบ ข้าวต้ม กินน้อยๆ แต่กินบ่อยๆ และเคี้ยวให้ละเอียด

- อาหารจำพวกนม เนื้อสัตว์ ยังไม่ต้องรีบบำรุงค่ะ เพราะย่อยยาก และนมจะทำให้คุณแม่รู้สึกพะอืดพะอมอยากอาเจียนได้ง่าย ควรให้พ้นช่วง 3 เดือนไปก่อนค่ะ

- ยาบำรุงโลหิตหรือธาตุเหล็กก็ยังไม่ต้องรีบกิน เพราะยาพวกนี้จะมีผลทำให้คุณแม่อาเจียนได้ง่ายเข้าไปอีก ควรรอให้พ้นช่วงแพ้ท้องไปก่อนดีกว่าค่ะ

อ่านถึงตรงนี้คุณแม่หลายคนคงจะรู้สึกดีกับการแพ้ท้องมากขึ้นนะคะ ที่สำคัญอย่าลืมดูแลและคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงของตัวเองด้วยนะคะ เพื่อสุขภาพครรภ์ที่สมบูรณ์ตลอดการตั้งครรภ์ค่ะ
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=771&sub_id=1&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด