ถ้าอยากให้ลูกมีพัฒนาการด้านการเรียนที่ดี และเป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเอง จะต้องทำอย่างไรบ้างครับ เพื่อจะให้ลูกพร้อมเรียนรู้ในทุกๆ วันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.ถ้าอยากให้ลูกมีพัฒนาการด้านการเรียนที่ดี และเป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเอง จะต้องทำอย่างไรบ้างครับ เพื่อจะให้ลูกพร้อมเรียนรู้ในทุกๆ วันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ถ้าอยากให้ลูกมีความจำดีต้องทำอย่างไร และการเรียนอนุบาลจะมีการบ้านเยอะไหมครับ เราพอที่จะสอนลูกเพิ่มได้หรือไม่
คุณณัฐพล / กทม.
1. เรื่องการเรียน ครูหมูคิดว่าการเรียนที่ดีของเด็กวัยอนุบาลนั้น หมายถึงเด็กเรียนแล้วเกิดการพัฒนาทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา เป็นไปตามวัย หรือมีการพัฒนาที่สูงขึ้นจากเดิม การเรียนดีมิใช่เด็กเรียนเก่งสอบได้ที่ 1 ของห้องเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าไม่รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ชอบเล่นกับเพื่อน ไม่ชอบคิด ชอบทำตามแบบคนอื่น คอยขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นอย่างเดียว ก็ไม่ถือว่าเป็นคนเก่งค่ะ
ฉะนั้น ลูกจะเรียนดีหรือไม่ คุณพ่อต้องทราบถึงพัฒนาการทั้ง 4 ด้านของลูก ว่าลูกควรทำอะไร ทำได้แค่ไหน เมื่อระยะเวลาผ่านไป ลูกมีพัฒนาการด้านใดยังไม่สมบูรณ์ เราต้องช่วยเติมเต็มให้ลูก เพราะพัฒนาการของเด็กทั้ง 4 ด้านมีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันค่ะ เด็กที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยบ่อย มีอารมณ์ดี ปรับตัวดี การเรียน ความสนใจ การรับรู้และการเรียนรู้ของเด็กก็จะดีตามไปด้วย
การให้ลูกเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆ วันนั้น ขึ้นอยู่กับตัวของลูกและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวลูกด้วยค่ะ การดูแลเรื่องอาหาร ให้ลูกรับประทานให้ถูกส่วนและครบห้าหมู่ ป้องกันและระมัดระวังให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อ ให้ลูกได้ออกกำลังกายทุกวัน ทำให้บ้านมีบรรยากาศที่อบอุ่น มั่นคง ให้ลูกได้พักผ่อนนอนหลับตามเวลา เขาก็พร้อมในการเรียนรู้ตลอดทั้งวันแล้วค่ะ
การอบรมเลี้ยงดูของครอบครัวมีส่วนช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค่ะ พ่อแม่ที่เปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความคิดเห็นในบ้าน ยอมรับฟังเหตุผลของลูก ให้ลูกได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ต้องการ ให้กำลังใจ ให้คำชมเชย เป็นที่ปรึกษาที่ดีของลูก ตลอดจนการช่วยสนับสนุนให้ลูกได้แสดงความสามารถที่มีอยู่ และเปิดโอกาสให้พบคนหลากหลายในสังคม ลูกก็จะไม่กลัวที่จะพูดคุยกับผู้อื่นและมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นค่ะ
2. เรื่องความจำ เป็นองค์ประกอบหนึ่งในด้านสติปัญญาค่ะ ลูกวัยอนุบาลจะจำสิ่งต่างๆ ได้ดี จำได้นาน ซึ่งสิ่งนั้นต้องมีความหมายและเป็นสิ่งที่เขาได้ทำซ้ำๆ หรือปฏิบัติในชีวิตประจำวัน โดยเป็นเรื่องราวที่ประทับใจทั้งทางบวกและทางลบ เช่น จำชื่อบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดได้ จำของเล่นที่ชอบได้ จำชื่ออาหารที่ชอบได้หรือสถานที่ที่ไปเที่ยวแล้วรู้สึกชอบ
คุณพ่อช่วยฝึกความจำให้ลูกได้ เช่น เล่นเกมกับลูก ให้ลูกสังเกตสิ่งของ 5-10 อย่าง ให้ลูกสังเกตแล้วปิดตา นำของมาเพิ่มหรือเอาออก แล้วให้ลูกบอกว่าอะไรเพิ่มหรือหายไป เล่านิทานให้ลูกฟังแล้วให้ลูกเล่าเรื่องย้อนกลับ ฝึกให้ลูกร้องเพลง ทำท่าประกอบเพลง ท่องคำกลอนง่ายๆ ฯลฯ
ส่วนการเรียนอนุบาลมีการบ้านไม่มากหรอกค่ะ การให้การบ้านของคุณครูเป็นเพียงการทบทวนบทเรียน ฝึกความรับผิดชอบของเด็ก และเพื่อให้ผู้ปกครองรู้พัฒนาการและแนวทางการเรียนของลูก การบ้านอนุบาลมีหลายรูปแบบค่ะ เป็นใบงานแบบฝึก หรือเป็นคำสั่งที่คุณครูให้เด็กไปหาข้อมูลหรือนำสิ่งของจากบ้านมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนที่โรงเรียน
ครูหมูขอแนะนำว่าโรงเรียนให้การบ้านลูกมาทำน่าจะมีจำนวนเพียงพอแล้ว ในวัยนี้คุณพ่อไม่ต้องไปเพิ่มการบ้านให้ลูกหรอกค่ะ ถ้าลูกยังสนุกกับการเรียนรู้อยู่ หากิจกรรมสนุกๆ เล่นกับลูกดีกว่าค่ะ เช่น เล่นกีฬากับลูก เตะบอล ขี่จักรยาน เล่นเกมบันไดงู ประดิษฐ์ของเล่น อ่านนิทานกับลูก
อีกอย่างหนึ่งที่มิใช่การเล่น แต่ครูหมูขอเสนอให้ลูกมีส่วนรับผิดชอบในการทำงานบ้านค่ะ โดยมอบหมายหน้าที่งานบ้านง่ายๆ ให้ หรือให้ช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ทำงานตามความสามารถของลูกที่จะทำได้ สิ่งต่างๆ ที่ลูกได้ปฏิบัติจะช่วยให้ลูกรู้จักการช่วยเหลือ ปลูกฝังลักษณะนิสัยจิตอาสาของลูกด้วยค่ะ