สุขกับงาน...


924 ผู้ชม


ไปเที่ยวไกลถึงฮาวายหรือปารีส แต่ถ้าใจยังกังวลถึงลูกๆ ที่เมืองไทย หรือเพิ่งทะเลาะกับแฟนที่โอ้เอ้ผิดนัด แล้วอย่างนี้จะมีความสุขได้อย่างไร ...         ไปเที่ยวไกลถึงฮาวายหรือปารีส แต่ถ้าใจยังกังวลถึงลูกๆ ที่เมืองไทย หรือเพิ่งทะเลาะกับแฟนที่โอ้เอ้ผิดนัด แล้วอย่างนี้จะมีความสุขได้อย่างไร ... 
ในทางตรงกันข้าม เพียงแค่นั่งเล่นที่สวนสาธารณะข้างบ้าน แต่ใจปลอดโปร่งเพราะปล่อยวางภาระทั้งปวง แถมได้ยิ้มหัวกับลูกๆ หยอกเอินกับแฟน อะไรจะสุขเท่า ใช่หรือไม่ว่า เที่ยวที่ไหน ไม่สำคัญเท่ากับเที่ยว อย่างไร ฉันใดก็ฉันนั้น ทำงานที่ไหน หรือทำงาน อะไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับทำงาน อย่างไร คนเรามักฝันถึงงานที่มีเงินเดือนมากๆ ตำแหน่งสูงๆ หรือโดดเด่นเป็นที่รู้จัก โดยคิดว่างานอย่างนี้แหละที่จะทำให้มีความสุข แต่ที่จริงแล้วความสุขไม่ได้อยู่ที่ประเภทของงานมากเท่ากับการวางจิตวางใจในขณะทำงาน จะสุขแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าเราทำงานด้วยความรู้สึกอย่างไร หาใช่เพราะเป็นงานอะไรไม่ งานแม้จะดูต่ำต้อย แอบอยู่หลังฉาก แถมซ้ำซากจำเจ แต่ถ้าทำด้วยใจรัก ก็ย่อมบังเกิดความแช่มชื่นเบิกบาน คุณแม่ที่ทำงานบ้าน หรือคุณย่าคุณยายที่เลี้ยงหลานทั้งวัน มีความสุขกว่าผู้จัดการหรือซีอีโอทั้งหลายก็เพราะเหตุนี้ จริงอยู่ใจรักในงานนั้นบางครั้งเกิดขึ้นเพราะได้งานที่ชอบ แต่แม้จะไม่ได้งานที่ชอบ เราก็ยังสามารถบันดาลใจให้เกิดความรักในงานได้ วิธีหนึ่งก็คือการมองให้เห็นคุณค่าของงานนั้นๆงานอย่างเดียวกัน แต่มองด้วยมุมที่ต่างกัน ก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน ชายสามคนกำลังก่ออิฐ คนแรกมีทีท่าเหนื่อยล้า หน้าบึ้งตึง คนที่สองดูดีขึ้นหน่อย ส่วนคนที่สามดูกระฉับกระเฉง หน้าตายิ้มแย้ม เมื่อถูกถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ คนแรกตอบอย่างขอไปทีว่า ?กำลังก่ออิฐ? คนที่สองบอกว่า ?กำลังก่อกำแพง? ส่วนคนที่สามตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า ?กำลังสร้างวัดครับ? ก่ออิฐเหมือนกัน แต่ทำด้วยอาการต่างกันก็เพราะเห็นคุณค่าของงานต่างกัน คนที่สามทำงานอย่างมีความสุขเพราะเห็นว่างานที่ตนทำนั้นไม่ใช่แค่ก่ออิฐธรรมดาๆ แต่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสิ่งที่สูงส่งเป็นบุญเป็นกุศล อิฐแต่ละก้อนที่ก่อจึงให้ความรู้สึกปีติอิ่มเอิบใจ นอกจากใจรักในงานแล้ว การทำให้งานกลายเป็นเรื่องสนุก ก็เป็นเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งของการทำงานอย่างมีความสุข คนไทยแต่ก่อนไม่ได้แยกงานกับความสนุกออกจากกัน เวลาเกี่ยวข้าวก็ร้องรำทำเพลงกันไปด้วย แต่เดี๋ยวนี้ พอเข้าโรงงานหรือออฟฟิศ ความสนุกก็ถูกกีดกันออกไป ถึงแม้มิอาจร้องรำทำเพลงขณะทำงานในออฟฟิศ แต่เราก็ยังสามารถทำให้งานมีบรรยากาศแห่งความสนุกได้ แทนที่จะทำงานอย่างหน้าดำคร่ำเครียดกันไปทั้งวัน เราอาจเริ่มต้นด้วยการช่วยกันตกแต่งสำนักงานให้มีสีสันเดือนละครั้งหรือสองอาทิตย์ครั้ง ถ้ามีหลายแผนก ก็ให้แต่ละแผนกช่วยกันคิดและร่วมกันสร้างเอกลักษณ์ของตนขึ้นมา แล้วมาประกวดกันโดยมีการสะสมคะแนนตลอดปี หรือให้แต่ละแผนกแต่ละกลุ่มผลัดกันเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ด้วยการสรรหาเมนูแปลกๆ ใหม่ๆ แต่ไม่สิ้นเปลือง มาลิ้มลองกัน กิจกรรมแบบนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานมีโอกาสหันหน้ามาคุยและร่วมมือกันในเรื่องที่มีชีวิตชีวา ไม่ใช่คุยกันแต่เรื่องงานการอย่างเดียว ชุมชนแห่งมิตรสามารถเริ่มต้นได้จากบรรยากาศแบบนี้ ก่อนที่จะนำไปสู่การเอื้อเฟื้อเกื้อกูลในเรื่องที่สำคัญกว่า ชุมชนอย่างนี้แหละที่จะทำให้คนมีใจรักในงานมากขึ้น เพราะงานกลายเป็นช่องทางที่จะ ?ให้?แก่คนซึ่งตนรักใคร่ชอบพอ ยิ่งให้ก็ยิ่งมีความสุข จึงไม่คิดเกี่ยงงาน สวนทางกับความรู้สึกของผู้คนจำนวนมากที่ทำงานโดยพยายามออกแรงให้น้อยที่สุด และ ?ตักตวง?ให้ได้มากที่สุดจากเพื่อนร่วมงาน บ่อยครั้งเราไม่อาจเลือกงานได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะทำงานด้วยท่าทีอย่างไร และจะใส่ความรู้สึกอะไรลงไปในงาน ความสุขจากงานการจึงมิใช่เรื่องยาก หากอยู่ในกำมือของเราทุกคน 
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=506&sub_id=4&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด