เตรียมความพร้อมให้ลูกในท้อง


845 ผู้ชม


การมีพัฒนาการของเด็กนั้นมีปัจจัยต่างๆมากมายที่ส่งผลต่อพัฒนาการ การเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านพันธุกรรม อาหารการกินที่เด็กได้รับตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของคุณแม่ สภาพแวดล้อม ทั้งภายในและภายนอก ฯลฯ และสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด ก็คือตัวคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งจะต้องคอยปกป้อง เลี้ยงดู ส่งเสริม และสนับสนุนลูก         การมีพัฒนาการของเด็กนั้นมีปัจจัยต่างๆมากมายที่ส่งผลต่อพัฒนาการ การเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านพันธุกรรม อาหารการกินที่เด็กได้รับตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของคุณแม่ สภาพแวดล้อม ทั้งภายในและภายนอก ฯลฯ และสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด ก็คือตัวคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งจะต้องคอยปกป้อง เลี้ยงดู ส่งเสริม และสนับสนุนลูก 
การส่งเสริมพัฒนาการของลูกนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลลูกได้ตั้งแต่ทราบว่ามีลูกอยู่ในครรภ์แม่ เด็กจะเริ่มมีพัฒนาการนับตั้งแต่ปฏิสนธิอยู่ในครรภ์มารดา โดยทั่วไปพัฒนาการของลูกในครรภ์จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ ระยะที่ 1 ช่วง 3 เดือนแรก เป็นช่วงที่สำคัญในการสร้างและพัฒนาระบบประสาทและเซลล์สมอง ระยะที่ 2 ช่วง 4-6 เดือน ลูกจะเริ่มมีพัฒนาการด้านการได้ยิน ระบบความจำ การหายใจ และจะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น ระยะสุดท้าย เดือนที่ 7-9 สมองของลูกจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ระบบประสาทจะพัฒนาการในการแยกเสียง การรับรู้ รับรส กลิ่น เสียง รวมถึงการมองเห็นระบบประสาทและอวัยวะทุกส่วนทำงานได้ดี และเตรียมพร้อมที่จะออกสู่โลกภายนอก ดังนั้น คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ จึงจำเป็นต้องคอยดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงต้องใส่ใจทั้งในเรื่องของอาหารการกิน ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยในการพัฒนาร่างกายและสมองของลูก เมื่อคุณแม่ทราบว่าตั้งครรภ์แล้วก็ควรจะต้องไปฝากครรภ์กับสถานพยาบาล และไปพบแพทย์ตามกำหนดนัดหมาย รวมทั้งต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ การทำจิตใจให้แจ่มใสของคุณแม่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีของลูก ถ้าตอนท้องคุณแม่มีอารมณ์ที่แจ่มใส ลูกที่คลอดออกมาก็จะเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายและเติบโตมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี สำหรับปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกในครรภ์ที่คุณแม่ควรปฏิบัติ ได้แก่ • การลูบสัมผัสหน้าท้อง จะช่วยให้ลูกในท้องรับรู้ถึงความรัก ความอบอุ่นที่แม่มีให้แก่ลูก รวมทั้งยังช่วยในการพัฒนาระบบประสาทสัมผัสของลูกอีกด้วย • การออกกำลังกายเบาๆ คุณแม่ต้องออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ทั้งยังช่วยให้คุณแม่มีจิตใจสดชื่น คลอดง่าย และมีน้ำหนักตัวไม่เพิ่มมากเกินไปอีกด้วย แต่การออกกำลังกายของคุณแม่นั้นต้องเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์ และควรงดออกกำลังกายอย่างเด็ดขาด เมื่อมีภาวะผิดปกติในการตั้งครรภ์ • การพูดคุยกับลูก หรือฟังเพลงเพื่อกระตุ้นระบบประสาทและพัฒนาการด้านการฟังของลูก โดยระบบการได้ยินในเด็กทารกจะเริ่มทำงานในช่วงครรภ์ประมาณ 5 เดือน • การเดินเล่นในช่วงเช้าที่มีแสงแดดอ่อนๆ เพราะแสงแดดอ่อนๆหรือการใช้ไฟฉายส่องหน้าท้องของคุณแม่ จะช่วยกระตุ้นการพัฒนาการด้านการมองเห็นของลูก ซึ่งจะพัฒนาได้ดีในช่วงเดือนที่ 7 การพัฒนาการของลูกในครรภ์แม่จะดีหรือไม่ ยังมีองค์ประกอบที่สำคัญ นั่นคือ คุณพ่อต้องคอยเป็นกำลังใจที่ดีสำหรับคุณแม่และลูกน้อย ด้วยวิธีการง่ายๆ ได้แก่ • คุณพ่อต้องเข้าใจในความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์ ทั้งภาวะทางร่างกายที่เปลี่ยนแปลง การแพ้ท้อง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของคุณแม่ • สร้างบรรยากาศที่เป็นสุข คุณพ่อควรพาคุณแม่ไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศนอกสถานท 
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=465&sub_id=1&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด