คุณแม่หลังคลอดมักเกิดความเข้าใจผิด ระหว่างน้ำคาวปลากับประจำเดือนที่มาหลังคลอด รวมทั้งปัญหามากมายจากน้ำคาวปลาที่เกิดขึ้นของคุณแม่ ซึ่งถ้าไม่ทำความเข้าใจปัญหาอาจมีตามมาได้
คำถามเรื่องคุณแม่หลังคลอด หรือคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จำเป็นจะต้องเข้าใจเรื่อง "น้ำคาวปลา" ที่เกิดขึ้นช่วงหลังคลอด ซึ่งคำถามของคุณแม่มือใหม่เหล่านี้มักมีคำถาม และต้องการคำตอบที่ถูกต้อง เพื่อคุณแม่จะได้เข้าใจและจะได้ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี งั้นมาดูคำถามที่พบบ่อยของคุณแม่กันดีกว่าค่ะ |
คุณแม่หลังคลอด น้ำคาวปลาคืออะไร ทำไมจึงมีหลังคลอด คุณแม่หลังคลอด น้ำคาวปลามาจากไหน น้ำคาวปลามาจากโพรงมดลูกในช่วงหลังคลอด ซึ่งในช่วง 2-3 วันแรกหลังจากคลอด เยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัวขึ้นในขณะตั้งครรภ์เพื่อการฝังตัวของทารกเริ่มแยกออกเป็นสองชั้น ชั้นบนจะหลุดลอกออกมาเป็นน้ำคาวปลา ส่วนชั้นล่างยังยืดติดกับชั้นกล้ามเนื้อมดลูก และพร้อมที่จะสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกชั้นใหม่สำหรับการมีรอบประจำเดือนหลังคลอดต่อไป | |
ดูแลทำความสะอาดอย่างไร เมื่อมีน้ำคาวปลา เนื่องจากน้ำคาวปลาจะมีคุณสมบัติเป็นด่าง ซึ่งขัดกับความสมดุลธรรมชาติของจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง ดังนั้น ช่วงที่มีน้ำคาวปลา จึงง่ายต่อการคิดเชื้อบริเวณช่องคลอด หรือบริเวณปากช่องคลอดได้ง่าย จึงแนะนำ ให้งดการมีเพศสัมพันธ์ก่อน และควรดูแลจุดซ่อนเร้นให้แห้ง โล่ง สบายอยู่เสมอ จึงควรเปลี่ยนแผ่นรองหรือผ้าอนามัยบ่อย ๆ ไม่ควรรอให้อับชื้น ควรแต่งตัวให้โล่ง โปร่ง สบาย ไม่ควรใส่กางเกงรัด หรือฟิต จนเกินไป และถ้าคุณแม่ออกกำลังกายแล้วมีเหงื่อออกจนชุ่มตัว ก็ควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน เพื่อความสะอาด ปลอดภัย | |
น้ำคาวปลาธรรมชาติ กับประจำเดือน แตกต่างกันอย่างไร สำหรับประจำเดือนที่มาเร็วกว่าปกตินั้น สังเกตจากเลือดที่มีสีแดงสดที่เหมือนกันทุกวัน ต่างจากน้ำคาวปลาที่จะค่อย ๆ จางลงจนกลายเป็นสีเหลืองขุ่น และรอบแรกของการมีประจำเดือนมักจะออกมาในปริมาณมาก อาจมี อาการปวดระดูร่วมด้วย ซึ่งการมีประจำเดือนหลังคลอด พบว่า คุณแม่ที่ให้นมลูก ประจำเดือนจะมาช้ากว่าปกติ ผิดกับคุณแม่ที่ไม่ได้ให้นมลูก ประจำเดือนจะมาเร็วกว่า | |
จะเป็นไปได้ไหมที่น้ำคาวปลาหมดแล้ว แต่หลังจากนั้นก็กลับมามีอีก ในกรณีน้ำคาวปลาหมดไปแล้ว แต่กลับมามีอีก พบในกรณีที่ลูกดูดนมได้ดีมาก ขณะลูกดูดนมจากบริเวณหัวนมจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารตัวหนึ่ง ซึ่งส่งผลกระตุ้นให้มดลูกมีการบีบตัว ทำให้รู้สึกปวดท้องคล้ายกับเวลาปวดท้องมีประจำเดือน และบีบให้มีน้ำคาวปลาออกมาได้อีกเป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด | |
การผ่าคลอด กับคลอดธรรมชาติ ปริมาณน้ำคาวปลาจะมากน้อยเท่ากันหรือไม่ ในกรณีคลอดเองตามธรรมชาติ กับการผ่าคลอด ซึ่งการผ่าคลอด น้ำคาวปลาจะหมดเร็วกว่า เนื่องจากสูติแพทย์ได้เช็ดทำความสะอาดภายในโพรงมดลูกขณะผ่าตัดคลอด ช่วยให้น้ำคาวปลาแห้งเร็ว ทำให้ปริมาณน้ำคาวปลาออกมาน้อยกว่ากรณีคลอดทางช่องคลอด และในแต่ละวันยังมีปริมาณน้ำคาวปลาออกน้อยกว่าการคลอดธรรมชาติอีกด้วย | |
ยาขับน้ำคาวปลาควรกินหรือไม่ เราไม่แนะนำให้ทานยาขับน้ำคาวปลาหลังคลอด หรือยาดอง เพราะไม่เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากธรรมชาติมีกลไกในการหดรัดตัวของมดลูกหลังคลอดเพื่อขับน้ำคาวปลาตามปกติอยู่แล้ว การดื่มยาดองหรือยาขับ น้ำคาวปลาอาจเสี่ยงต่อการตกเลือดหลังคลอด จนทำให้เกิดอาการเพลีย เพราะในบรรดายาดองเหล่านี้มักมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ซึ่งจะทำให้ผ่านทางน้ำนมและส่งผ่านสู่ลูกได้ จึงเท่ากับเพิ่มความเสี่ยงให้ลูกดูดนมที่มีแอลกอฮอล์ปนอยู่ด้วย ยิ่งถ้าแม่ดื่มยาขับน้ำคาวปลาในปริมาณมาก ก็อาจส่งผลทำให้ลูกได้รับปริมาณแอลกอฮอล์มากตามไปด้วย เราจึงไม่แนะนำให้กินยาเหล่านี้ | |
ความผิดปกติของน้ำคาวปลาเกิดจากสาเหตุใด มีวิธีการดูแลอย่างไร สาเหตุหลักมักเกิดจากการอักเสบติดเชื้อภายในโพรงมดลูก หรือมีรกค้างอยู่ ในกรณีของรกค้าง สามารถวินิจฉัยได้ด้วยการตรวจอัลตราซาวด์ และรักษาด้วยการขูดมดลูก เอาชิ้นเนื้อส่วนที่ค้างออกมา ส่วนการติดเชื้อนั้น รักษาด้วยการฉีดยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด หรือกินยาในกรณีที่ไม่มีอาการรุนแรงมากนัก | |
น้ำคาวปลาที่ผิดปกติ สังเกตได้อย่างไร น้ำคาวปลาที่ผิดปกติคือ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสีและปริมาณ เช่น เป็นสีแดงสดยาวนานกว่า 3-4 วันแรก หรือออกมาปริมาณมาก หรือมีลักษณะเป็นลิ่มเลือด มีกลิ่นเหม็น มีไข้หรือปวดท้องน้อย มีอาการของมดลูกบีบตัวเป็นพัก ๆ ร่วมด้วย หรือในกรณีน้ำคาวปลามีปริมาณน้อยลงแล้ว แต่กลับมาเยอะอีก ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ซึ่งจะมีลักษณะเป็นลิ่มเลือด และมีไข้หรือปวดท้องร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยทันที เมื่อเกิดอาการ | |
น้ำคาวปลาจะหมดภายในกี่วัน อะไรเป็นสัญญาณเตือนเมื่อมีความผิดปกติ น้ำคาวปลา ประกอบด้วยเม็ดเลือดแดง เยื่อบุโพรงมดลูกที่ค้างหลังคลอด และแบคทีเรีย ใน 3-4 วันแรกคลอด น้ำคาวปลาจะมีเลือดปนมาก ทำให้เห็นเป็นสีแดงสด จากนั้นสีจะจางลงเป็นสีแดงจาง ๆ นานประมาณ 7-10 วัน หลังจากนั้นสีจะจางลงอีก เนื่องจากน้ำคาวปลาช่วงหลัง ประกอบด้วยเม็ดเลือดขาวเป็นส่วนใหญ่ มีสีเหลืองขาว ไม่มีกลิ่น และมีอยู่นานประมาณ 2-3 สัปดาห์ ดังนั้น น้ำคาวปลาจะหมดภายใน 3-4 สัปดาห์ ถ้าน้ำคาวปลาออกมามากหรือนานกว่าปกติ อาจเกิดจากการมีรกค้างหลังคลอด กล้ามเนื้อมดลูกล้า และหดรัดตัวไม่ดีหลังคลอด หรือเกิดอักเสบติดเชื้อภายในโพรงมดลูกได้ | |
น้ำคาวปลามีปริมาตรน้อย เป็นเพราะอะไร ผิดปกติหรือไม่ น้ำคาวปลาออกน้อย พบได้ในกรณีของการผ่าตัดคลอดบุตร ซึ่งสูติแพทย์มีการล้วงเช็ดภายในโพรงมดลูกหลังคลอดบุตรแล้ว จึงทำให้น้ำคาวปลาออกน้อย ซึ่งถือเป็นขบวนการธรรมชาติ ไม่ได้บ่งบอกถึงความผิดปกติ แต่อย่างใด |
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2505&sub_id=46&ref_main_id=11