ลูกติดไวรัสโรต้า...เสี่ยงกระทบพัฒนาการ


1,046 ผู้ชม


นับตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์จนกระทั่วคลอดลูก คุณแม่จำเป็นจะต้องดูแลสุขภาพเป็นอย่างมาก ยิ่งตอนเจ้าตัวเล็กได้คลอดออกมาแล้วคุณแม่จำเป็นจะต้องดูแลสุขภาพเป็นอย่างมาก         นับตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์จนกระทั่วคลอดลูก คุณแม่จำเป็นจะต้องดูแลสุขภาพเป็นอย่างมาก ยิ่งตอนเจ้าตัวเล็กได้คลอดออกมาแล้วคุณแม่จำเป็นจะต้องดูแลสุขภาพเป็นอย่างมาก 
เมื่อลูกน้อยเข้าสู่วัยซุกซนมือไม้ไม่อยู่นิ่ง เค้าก็มักจะหยิบสิ่งของหรือของเล่นเข้าปาก ซึ่งสิ่งของเหล่านี้ล่ะคือพาหะตัวร้ายที่นำเชื้อไวรัสโรต้าเข้าสู่ร่างกายของเด็ก ๆ ค่ะ เจ้าวายร้ายโรต้านี่ล่ะที่ทำให้เยื่อบุผนังลำไส้ฝ่อตัว จนไม่สามารถดูดซึมสารอาหารและเกลือแร่ได้ตามปกติค่ะ ผลที่ตามมาน่ะเหรอ เด็กจะมีอาการ อาเจียน ไข้ และท้องร่วงตามมา ซึ่งทราบไหมคะว่า อาการท้องร่วงน่ะอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว หากร่างกายของเด็กขาดน้ำอย่างเฉียบพลัน และเมื่อกระบวนการดูดซึมอาหารของเจ้าตัวเล็กบกพร่อง เค้าอาจจะมีพัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติที่อยู่ในวัยเดียวกันค่ะ ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งระบุไว้ว่า เด็กที่มีอาการท้องร่วงจนกระทบต่อกระบวนการดูดซึมอาหารนั้นจะมีร่างกายที่เตี้ยกว่าเด็กทั่วไปในวัยต่ำกว่า7 ปี ราว 8.2 ซม. อีกทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ที่มีอาการท้องร่วงซ้ำบ่อยๆจะมี IQ ต่ำกว่าเด็กในวัยเดียวกัน 10 จุด เชียวนะคะ รู้อย่างนี้แล้ว ประมาทไม่ได้เชียว
ทำไมเด็ก ๆ ในช่วงวัย 1-2 ปีถึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรต้าน่ะเหรอคะ ก็เพราะเด็กในวัยนี้น่ะกำลังซุกซน ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุน่ะแหละค่ะ และที่สำคัญ เด็กในช่วงวัยนี้น่ะ ร่างกายของเค้ากำลังอยู่ในช่วงที่สมองระบบประสาท และร่างกายกำลังเจริญเติบโต การติดเชื้อวายร้ายอย่างโรต้าจะมีผลให้การเจริญเติบโตเหล่านั้นหยุดชะงัก และเนื่องจากไวรัสโรต้าเป็นเชื้อที่ทนทานและป้องกันได้ยาก ดังนั้น 
ปัจจุบันวัคซีนมี 2 ชนิด คือ ชนิดที่กิน 2 ครั้ง และชนิดที่กิน 3 ครั้ง โดยวัคซีนที่กิน 3 ครั้ง จะให้กินเมื่อเด็กอายุ 2,4,6 เดือน ซึ่งจะให้การป้องกันหลัง 6 เดือน แต่สำหรับวัคซีนที่กิน 2 ครั้ง จะให้เมื่อเด็กอายุ 2,4 เดือน ซึ่งจะทำให้ได้รับการป้องกันตั้งแต่ 4 เดือน โรคนี้ ยิ่งป้องกันได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งปลอดภัยเร็วเท่านั้นค่ะ
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1986&sub_id=42&ref_main_id=11 

อัพเดทล่าสุด