วัคซีนตัวไหนต้องฉีดก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ ถ้าไม่ฉีดหรือฉีดแล้วยังไม่พ้นระยะที่กำหนดไว้จะมีผลต่อทารกหรือไม่..สงสัยอยู่ใช่ไหมคะ คำตอบอยู่นี่แล้วค่ะ
Before Pregnant
วัคซีนที่ฉีดก่อนคิดจะตั้งครรภ์มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่
วัคซีนหัดเยอรมัน
หัดเยอรมันเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งค่ะ ลักษณะอาการจะคล้ายกับเป็นไข้หวัด คือมีไข้ และมีผื่นทั่วตัว หากคุณแม่เกิดเป็นโรคนี้เมื่อตั้งครรภ์โดยเฉพาะในระยะ 1-3 เดือนแรก เชื้อไวรัสจะไปทำให้ทารกในครรภ์เกิดความพิการในอวัยวะต่างๆ อาทิ หู ตา หัวใจ แขน ขา และสมอง
ดังนั้น คุณแม่ที่คิดจะตั้งครรภ์จึงควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันก่อน โดยฉีดแล้วควรเว้นระยะการตั้งครรภ์ออกไป 3 เดือน เพื่อให้วัคซีนสร้างภูมิขึ้น แต่หากจู่ๆ คุณแม่เกิดตั้งครรภ์ในช่วงนี้ขึ้นมาก็อย่ากังวลใจไป เพราะยังไม่มีข้อบ่งชี้ใดที่ฟันธงว่าหากฉีดวัคซีนหัดเยอรมันแล้วทิ้งระยะก่อนตั้งครรภ์ไม่ถึง 3 เดือน จะส่งผลให้เด็กเกิดมาผิดปกติ จนคุณหมอต้องยุติการตั้งครรภ์ค่ะ เพราะมีคุณแม่บางท่านที่ฉีดวัคซีนหัดเยอรมันแล้วเกิดตั้งครรภ์ภายใน 3 เดือน ก็สามารถให้กำเนิดลูกที่แข็งแรงได้ไม่แตกต่างจากคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนในช่วงดังกล่าว
ท้องแล้วไม่ได้ฉีด!!
หากคุณแม่ไม่ได้ฉีดก็อย่ากังวลใจไป แต่ช่วงตั้งครรภ์ 1-3 เดือนแรก ซึ่งถือเป็นช่วงอันตรายหากติดเชื้อขึ้นมา ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงคนที่มีอาการหวัด เป็นไข้ ไอจาม เพราะนั่นอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคหัดเยอรมันได้เช่นกัน
ช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้ายหากเกิดติดหัดเยอรมันขึ้นมา โรคนี้จะไม่สามารถทำให้เกิดความผิดปกติในลูกน้อยได้ เพราะร่างกายของลูกเจริญเติบโตเต็มที่แล้วค่ะ
วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบชนิดบี (Hepatitis B)
โรคไวรัสตับอักเสบบีพบบ่อยในประเทศไทย ลักษณะอาการก็จะแตกต่างกันไป หากเป็นน้อยอาการก็เหมือนเป็นไข้ เหนื่อยๆอ่อนเพลีย แต่ถ้าเป็นมากก็จะตาเหลือง ตัวเหลือง อ่อนเพลียมาก ตับถูกทำลายและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีเชื้ออยู่ในร่างกายอยู่แล้ว หรือเกิดติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีขึ้นมา โรคนี้ก็อาจติดต่อไปยังลูกขณะคลอดทำให้เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีได้ค่ะ
ดังนั้น หากคุณแม่ไม่แน่ใจว่าตนเองมีภูมิต้านทานโรคอยู่หรือเปล่า หรือเกิดติดเชื้อนี้แล้วหรือยัง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาภูมิ หากยังไม่มีภูมิ แพทย์จะฉีดวัคซีนให้ โดยแนะนำให้ฉีดก่อนตั้งครรภ์เป็นเวลา 6 เดือน
ส่วนคุณแม่คนไหนที่พบว่าติดเชื้อแล้ว หลังคลอดภายใน 24 ชั่วโมง แพทย์จะฉีดสารภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบบีให้กับทารก เพื่อเป็น
การ เร่งภูมิให้ต่อต้านโรค ขณะเดียวกันทารกแรกเกิดก็จะได้วัคซีนป้องกันด้วยค่ะ
ท้องแล้วไม่ได้ฉีด!!
ปัจจุบัน ประชาชนทุกคนที่เกิดในประเทศไทยจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันตับอักเสบบีทันทีที่คลอดอยู่แล้ว เพื่อป้องกันโรคตับอักเสบบีตั้งแต่แรกเกิด ดังนั้น คุณแม่จะฉีดหรือไม่ฉีดจึงมีความสำคัญน้อยลง แต่ถ้าขณะตั้งครรภ์พบว่าคุณแม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรค แพทย์ก็สามารถฉีดให้ได้ เนื่องจากวัคซีนชนิดนี้ไม่มีผลอันตรายต่อลูกในครรภ์
Pregnant
เมื่อตั้งครรภ์วัคซีนพื้นฐานที่คุณหมอแนะนำให้ฉีดไม่ได้มีมากมายวุ่นวาย เหมือนที่คุณแม่หลายๆ ท่านคิดกันนะคะ จะมีก็เพียง…
วัคซีนป้องกันบาดทะยัก
บาดทะยัก เป็นโรคที่เกิดจากการมีบาดแผลซึ่งสกปรกและเมื่อเชื้อบาดทะยักแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล ผู้ที่เป็นบาดทะยักจะมีอาการชักเกร็ง หน้าเขียว มีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต และเมื่อเป็นโรคนี้แล้วโอกาสรอด 50:50 ค่ะ
วัคซีนป้องกันบาดทะยัก แพทย์แนะนำให้ฉีดในหญิงตั้งครรภ์ และคนที่ไม่มีภูมิต่อโรคนี้ รวมถึงคนที่ไม่ได้รับการฉีดกระตุ้นภายในระยะเวลา 10 ปีขึ้นไปด้วย
โดยระหว่างตั้งครรภ์จะฉีด 2 เข็ม ห่างกันประมาณ 1 เดือน โดยเข็มที่ 2 ถ้าเป็นไปได้ให้ฉีดก่อนคลอดประมาณ 3 เดือน จากนั้นหลังคลอดจึงฉีดเข็มที่ 3 อีกครั้งค่ะ
ท้องแล้วไม่ได้ฉีด!!
สมัยก่อนจะแนะนำให้ฉีดกันมาก เนื่องจากการทำคลอดเครื่องไม้เครื่องมือยังไม่มีความสะอาดเท่าที่ควรเหมือนปัจจุบันซึ่งมีความปลอดภัย สะอาด และปลอดเชื้อ หากคุณแม่มีภูมิอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องฉีด หรือถ้าพบว่าไม่มีภูมิก็สามารถฉีดได้เลยไม่เป็นอันตรายกับทารกแน่นอน
วัคซีนพื้นฐานที่เล่ามาทั้งหมดนี้ช่วยเสริมสร้างให้คุณแม่แข็งแรง คุณลูกปลอดภัย แต่ถ้าลืมฉีดตัวใดตัวหนึ่งไปก็อย่ากังวลให้มากค่ะ เพราะหากดูแลสุขภาพดี ป้องกันตัวเองไม่ให้ตกอยู่ในความเสี่ยงทั้งจากไข้หวัด ตับอักเสบ หรือบาดทะยัก ก็เบาใจได้ว่าลูกต้องมีสุขภาพดีแน่นอน และถ้ายังไม่หายกังวลก็ขอคำแนะนำจากคุณหมอที่ฝากครรภ์ด้วยก็ดีค่ะ
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1565&sub_id=41&ref_main_id=11
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1565&sub_id=41&ref_main_id=11