วันเวลาเผลอแป๊บเดียวก็ใกล้ๆ จะหมดปีแล้วนะคะ แต่ถ้าเป็นกรณีคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ไม่ว่าจะเป็นเดือนที่เท่าไรก็ตาม คงกำลังรอเวลาได้พบกับเจ้าตัวน้อยสมาชิกใหม่กันอย่างใจจดจ่อ ทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดิฉันมีข้อมูลเรื่องช้าๆ มาให้ค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ “Slow Food” มาแลกเปลี่ยนเผื่อจะทำให้ชีวิตคุณแม่ช้าลงกันได้บ้าง
ภ
Slow Food คืออะไร?
Slow Food ไม่ได้หมายความถึงอาหารชาววัง อาหารที่ถูกจัดเตรียมและปรุงอย่างประณีต บางครั้งหน้าตาของอาหารอาจจะธรรมดาอย่างที่สุด แต่หมายความถึงการเพาะปลูก การผลิตที่เคารพธรรมชาติ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพภจนกระทั่งมีการกล่าวว่า Slow Food Saves the World และมีการจัดงานประชุมระดับโลกของชุมชนอาหารทั่วโลกโดย Slow Food Organization เพื่อช่วยกันค้นหาทางออกสำหรับวิกฤติอาหารและวัฒนธรรมของโลกที่ประเทศอิตาลี
ภ
ที่ผ่านมาเรามักได้ยินคำว่า “Fast Food” กันอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะไปมุมไหนของเมือง แม้แต่ระหว่างเดินทางยังมีอาหารหลากหลายชนิดที่เน้นความสะดวกสบายในการบริโภคให้เลือกซื้อ ทั้งสำหรับตัวเอง คนในครอบครัว หรือเป็นของฝากติดไม้ติดมือก็ตาม ดูเหมือนชีวิตคนเมืองใหญ่ต้องเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา ขนาดซื้อของกินบางยี่ห้อต้องมีการกำหนดเวลาว่าไม่เกิน 60 วินาที ลูกค้าต้องได้สินค้าตามสั่ง หากเกินกว่านั้นเรายินดีชดเชยการรอคอยด้วยสินค้าฟรีบางอย่างก็มี (อาจเป็นสินค้าที่เราไม่ต้องการก็ได้) หรือแม้แต่สั่งทางโทรศัพท์และบริการส่งฟรีถึงที่ภายใน 30 นาที เป็นต้น
ภ
เคยสงสัยว่าอาหารเหล่านี้ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป จนกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่ไม่ใหม่อีกแล้วในปัจจุบัน เราต้องใช้เวลาน้อยๆ ในกระบวนการได้มาของอาหารหรือการบริโภค ในขณะที่เราใช้เวลาคุยโทรศัพท์นานขึ้นๆ จนเกิดการตลาดแบบยิ่งใช้มากยิ่งถูกมาก คุณแม่ท้องในปัจจุบันถูกบีบด้วยเวลาตั้งแต่เช้าถึงเข้านอน ต้องตื่นแต่เช้า รีบเตรียมตัวไปทำงานให้ทัน และต้องดูแลตนเองมากขึ้นเพราะกำลังตั้งครรภ์ อาหารที่มีประโยชน์และหาง่ายกลายเป็นอาหารสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปที่ผลิตและแปรรูปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย หรือเก็บรักษาด้วยการแช่แข็ง เพราะมีข้อมูลที่สนับสนุนว่าจะคงคุณค่าของอาหารไว้ได้มากว่าการใช้ความร้อนในกระบวนการผลิต คุณค่าและความสดใหม่ของอาหารหมดไป แต่ตอบสนองความหิวและให้พลังงานพร้อมยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน หรือหากต้องการเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงก็มีธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และวิตามินต่างๆ ไว้บริการหลากหลาย (แต่ก็ลำบากกระเป๋าสตางค์เรามากขึ้น)
ภ
ใช้ชีวิตตอบโจทย์ Slow food
เพียงคุณแม่หันมาเลือกรับประทานอาหารที่ผลิตจากวัตถุดิบในท้องถิ่น ซึ่งจะมีราคาถูกและปลอดภัยจากการใช้สารเคมีกำจัดแมลง อีกทั้งสามารถหาได้ง่าย ไม่ต้องผ่านกระบวนการเก็บหรือแปรรูปให้อยู่ได้นาน และยังช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วยค่ะ อาหารไทยเราเป็นอาหารที่ครบหมู่ตามหลักโภชนาการ เราสามารถรับประทานข้าวและธัญพืชต่างๆ ตลอดจนพืชผัก ผลไม้ที่หลากหลาย หรือขนมที่เราเลือกทานระหว่างมื้อก็ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งแม่และลูก
ภ
สำหรับคุณแม่ท้องอาจรับประทานข้าว หรือข้าวต้มกับผัดผัก ปลานึ่ง หรือหมูปิ้งไม่ติดมันภก็หาซื้อง่าย (เป็นแหล่งโปรตีนที่เราใช้มายาวนาน) แล้วเลือกรับประทานมะละกอสุกอีก 1 ชิ้นยาวภหั่นได้ 5-6 ชิ้นคำเป็นอาหารหลัก เมื่อรู้สึกหิวระหว่างมื้อก็ดื่มน้ำเต้าหู้ที่ซื้อจากแม่ค้าที่เราชอบใจ กันโรยด้วยงา กินคู่กับกล้วย ฟักทอง ข้าวโพดต้ม เผือก มัน ฯลฯ แล้วแต่ชอบนะคะ หรือจะดื่มเป็นน้ำขิง และน้ำสมุนไพรต่างๆ ที่มีมากมายหลายชนิดในบ้านเราก็ดีนะคะ แล้วถ้ากังวลว่าจะได้เส้นใยจากอาหารไม่เพียงพอ เราก็มีขนมที่เป็นกลุ่มของคาวอย่าง สาคู ข้าวเกรียบปากหม้อ หรือเมี้ยงคำ ปอเปี๊ยะ ปั้นสิบปลาแนม ช่อม่วง ขนมกุยช่าย ฯลฯ ที่จะกินกับผักหลายชนิดได้ หรือหากชอบความหวาน ก็เลือกหวานน้อยลงนิดหนึ่งเพื่อสุขภาพที่ดีมากขึ้น อาจจะเลือกรับประทานผลไม้ได้หลายชนิด ยกเว้นที่มีน้ำตาลสูงหรือไม่ก็รับประทานน้อยๆ เช่น ลำไย ลิ้นจี่ ทุเรียน (เนื่องจากคุณแม่ท้องบางท่านมีความเสี่ยงต่ออาการเบาหวานเทียม) ซึ่งเมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองผลไม้อยู่แล้ว และสามารถหาซื้อได้ง่าย เพื่อประหยัดเวลาคนเมือง หรือหากมีเวลาเตรียมอาหารรับประทานทานเองบ้างจะทำให้ชีวิตช้าลง เห็นรายละเอียดบางอย่างเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยขยายมุมมองต่อชีวิตประจำวันได้อีกทางหนึ่ง แล้วความสุขที่นิ่งอยู่ในนั้นจะปรากฏต่อเจ้าของในที่สุดค่ะ
ภ
สุดท้ายนี้ดิฉันขอเชิญชวนให้ผู้อ่านทุกท่านมาทำชีวิตให้ช้าลง และเพิ่มความสุขมากขึ้นด้วย Slow Food กันนะคะ (Slow Food for Slow Life)
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=852&sub_id=44&ref_main_id=11