ถ้าพูดถึงแพทย์ทางเลือกกับแม่ท้อง...คุณนึกถึงอะไรคะ? คำตอบคือไม่ใช่การรักษาโรคที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ แต่เป็นวิถีการดูแลสุขภาพโดยเน้นไปที่อาหารการกินที่ดี... การทำสมาธิและการปรับโครงสร้างของร่างกาย ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีสุขภาพครรภ์ และช่วยลดอาการต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในขณะตั้งครรภ์ได้ค่ะ อาการต่างๆ ของแม่ท้อง เพราะอาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แพ้ท้อง ปวดหลัง เท้าบวม จุก เสียดแน่น ตะคริว ท้องผูก คุณแม่บางคนอาจจะมีโรคต่างๆ ตามมาอีกด้วยค่ะ เช่น เบาหวาน ความดันสูง ต่อมไทรอยด์ โรคโลหิตจาง ฯลฯ ซึ่งทั้งอาการและโรคต่างๆ เหล่านี้สามารถใช้วีธีดูแลและป้องกันแบบแพทย์ทางเลือกได้ โดยมีแนวทางหลักดังนี้ กินให้ดี...มีพลังชีวิต - ควรกินอาหารที่มีพลังชีวิต ซึ่งก็คืออาหารที่สดใหม่นั่นเองค่ะ เช่น เวลาที่คั้นน้ำผลไม้เสร็จปุ๊บ ควรกินทันที เพราะหากทิ้งไว้นานเท่าไร การสูญเสียคุณค่าในอาหารอย่างพวกวิตามินก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้นค่ะ การเก็บอาหารไว้นานๆ นอกจากจะเสียรสชาติ ก็อาจจะไม่ได้คุณค่าเลยค่ะ การกินอาหารสด หรืออาหารตามธรรมชาติที่ปลอดสารพิษจะทำให้ร่างกายมีโพแทสเซียมอยู่ในระดับพอดีและมีโซเดียมต่ำ สังเกตได้ว่าเราจะไม่รู้สึกหิวน้ำ แต่ถ้ากินอาหารที่มีโซเดียมสูงจะต้องดื่มน้ำตามเยอะ ซึ่งการได้กินอาหารธรรมชาติทุกมื้อจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้ค่ะ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ กรรมวิธีที่ไปทำลายโครงสร้างโมเลกุลของอาหาร เช่น ใช้ไมโครเวฟปรุงอาหาร ทำให้อาหารนั้นเสียศักยภาพที่เราควรจะได้รับไปแบบเต็มๆ - หลีกเลี่ยงน้ำตาล คนท้องไม่ควรกินน้ำตาลหรืออาหารที่มีรสหวานมากเกินไป นอกจากไม่มีประโยชน์แล้ว หลังคลอดจะอ้วนได้ง่าย ควรกินอาหารจำพวกข้าวกล้อง ซึ่งมีไฟเบอร์ วิตามิน เกลือแร่สูง ซึ่งแพทย์ทางเลือกมีการศึกษาพบว่า ถ้ากินอาหารที่สมดุลต่อร่างกายอย่างข้าวกล้อง งดปรุงอาหารด้วยน้ำตาล หลีกเลี่ยงการกินน้ำอัดลม ขนมหวาน ระดับน้ำตาลในร่างกายจะลดลงได้ค่ะ ลดโอกาสเสี่ยงของโรคเบาหวานในแม่ท้อง อีกทั้งควรออกกำลังกายหรือมีการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อในร่างกายทำงานเหมาะสม เพื่อการเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น - กากใย แม่ท้องจะมีปัญหาริดสีดวง ท้องผูก ทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว แพทย์ทางเลือกจะบอกว่า อาหารคือต้นตอสำคัญ ที่ช่วยในทุกเรื่อง โดยเฉพาะอาหารจำพวกกากใยซึ่งคนท้องควรกินให้เยอะ เพื่อช่วยในการขับถ่าย หากเป็นไปได้ก็ควรกินอาหารจุลินทรีย์จากธรรมชาติ เต้าหู้ นมถั่วเหลือง สำหรับคุณแม่ที่ไม่ได้แพ้นมก็สามารถดื่มเปรี้ยวก็ได้ เพื่อช่วยในการขับถ่ายให้ดีขึ้น - ผัก ในคนปกติการกินผักให้เพียงพอคือครึ่งกิโลกรัมต่อวันเป็นอย่างน้อย แต่พอตั้งท้องอาจจะต้องเผื่อเป็น 1 กิโลกรัมต่อวัน จึงจะได้แร่ธาตุวิตามินเพียงพอค่ะ หลักคือ ต้องกินผักให้หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายมีความสมดุลและได้คุณค่าทางอาหารหลากหลาย การกินผักชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป ร่างกายจะขาดความสมดุลได้ค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมกินผักสด หรือผักปลอดสารพิษที่ปรุงใหม่ๆ นะคะ - น้ำ การดื่มน้ำ 6-8 แก้วต่อวัน สำหรับแพทย์ทางเลือกบอกว่าไม่พอค่ะ เพราะวิถีชีวิตปัจจุบันเราขาดน้ำเนื่องจากการกินอาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะฉะนั้นควรดื่มน้ำอุ่นให้ได้วันละ 14 แก้ว ไม่ควรดื่มน้ำเย็น เพราะจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายถูกดึงมาใช้ เพื่อทำให้น้ำบาลานซ์กับอุณหภูมิของร่างกาย จึงทำให้ร่างกายจะเสียงพลังแห่งชีวิตไปค่ะ การดื่มน้ำเยอะๆ นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องท้องผูกแล้ว หากคุณแม่เป็นหวัด เจ็บคอ มีน้ำมูก การดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอค่ะ และเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายโดยการดื่มน้ำมะนาวก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นค่ะ - นม สำหรับแพทย์ทางเลือก บอกว่า นมวัว อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับแม่ท้อง จริงอยู่ที่ว่าแม่ท้องต้องการแคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง แต่ร่างกายของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน นมอาจจะเป็นของแสลงที่เป็นตัวการทำให้เกิดภูมิแพ้จากคุณแม่ไปยังลูกได้ คุณแม่หลายคนคิดว่ายิ่งดื่มมากก็ยิ่งดี ในความจริงต้องเลือกให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของเราค่ะ และหากคุณแม่มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือรู้สึกย่อยยากหลังจากดื่มนม แสดงว่านมเป็นของแสลงสำหรับคุณค่ะ แนะนำว่าให้หันไปกินอาหารจำพวกปลาเล็กปลาน้อย โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ผักใบเขียว ก็จะช่วยทดแทนการกินนมได้อย่างเพียงพอค่ะ และลดการกระตุ้นการเกิดภูมิแพ้ในลูกได้ด้วยนะคะ สมาธิ...เกิดพลัง นอกจากเรื่องอาหารแล้ว แพทย์ทางเลือกยังเน้นในเรื่องของสมาธิ ที่อาจจะเกิดจาก...การนั่งสมาธิ การฝึกโยคะที่เหมาะกับแม่ท้อง ซึ่งจะช่วยทำให้แม่ท้องมีกำลังวังชาดีขึ้น ช่วยในเรื่องของการหายใจ และเมื่อมีการหายใจที่ดีการเผาผลาญอาหารก็จะดีขึ้น ระบบการทำงานของหัวใจก็ดี ลดโอกาสเกิดความดันโลหิตสูงได้ด้วย ที่สำคัญลดความเครียดในขณะตั้งครรภ์ และเป็นเตรียมความพร้อมสำหรับลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมาด้วยค่ะ โครงสร้างร่างกาย โครงสร้างร่างกายของคุณแม่ท้องที่สำคัญคือกระดูกสันหลังต้องตรง ซึ่งจะช่วยให้สัญญาณประสาทอัตโนมัติที่ส่งจากกระดูกสันหลังไปเลี้ยงอวัยวะภายในได้ดี หากกระดูกสันหลังไม่ตรงซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ จะทำให้สัญญาณประสาทอัตโนมัติส่งออกมาเลี้ยงมดลูกได้ไม่ดี เลี้ยงรังไข่ได้ไม่ดี เลี้ยงหัวใจไม่ดี เลี้ยงกระเพาะไม่ดี การส่งผ่านอาหารไปยังลูกก็ไม่ดีด้วยค่ะ เด็กก็จะเติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น ถ้ากระดูกสันหลังของคุณแม่ตรง นอกจากจะช่วยให้การตั้งครรภ์เป็นไปด้วยดีแล้ว ลูกน้อยที่เกิดมาก็จะแข็งแรง ยังช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดเมื่อยได้ด้วยค่ะ ถ้ากระดูกสันหลังของคุณแม่ไม่ตรง แพทย์ทางเลือกจะช่วยเหลือด้วยการไคโรแพรกติก โดยจะใช้วิธี Bone Setting คือการจัดเรียงกระดูกให้ตรง เพื่อช่วยให้สัญญาณประสาทอัตโนมัติทำงานได้ดีขึ้นค่ะ ทั้งหมดนี้คือการดูแลคุณแม่ท้องแบบแพทย์ทางเลือก ซึ่งก็คือการใช้ความรู้พื้นฐาน ดูแลเรื่องอาหารการกิน ปรับไลฟ์สไตล์ ลดความเครียด และถ้าจะให้ดีที่สุดสำหรับหลักการแพทย์ทางเลือก คุณแม่ควรเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนท้องค่ะ คือการเช็กร่างกายโดยละเอียด หากมีปัญหาใดเกิดขึ้นก็จะสามารถแก้ไขได้ก่อนที่จะตั้งท้อง ถ้ามาเริ่มตอนท้องจะป้องกันได้ยากค่ะ เพราะแพทย์ทางเลือกจะไม่ได้รักษาโรคที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ แต่ที่ทำได้คือบรรเทา และปรับร่างกายเพื่อไม่ให้เกิดโรคอื่นตามมาค่ะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมการการแพทย์ทางเลือกฯ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานการแพทย์ทางเลือก สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และเป็นเลขาธิการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาการแพทย์ทางเลือกแห่งประเทศไทย
ที่มา https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=495&sub_id=43&ref_main_id=11